เกมวัดดวง
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เกมวัดดวง |
|
ออกอากาศ | พ.ศ. 2545 - ปัจจุบัน |
ช่องโทรทัศน์ | ช่อง 5 |
ผู้ดำเนินรายการ | สมพล ปิยะพงศ์สิริ, |
ผลิตโดย | แกรมมี่เทเลวิชชั่นจำกัด |
เกมวัดดวง เป็นเกมโชว์ที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมทางบ้าน ได้เข้ามาสมัครมากที่สุด ลักษณะเกมนั้นจะเป็นการทำกิจกรรมร่วมกันกับทีมงาน โดยที่ทีมงานจะจัดเกมในแต่ละรอบไม่เหมือนกัน ใน 1 รอบนั้น จะกำหนดกติกากวน ๆ ไว้โดยให้กติกานั้นมีโอกาสเกิดขึ้นตามความน่าจะเป็น หากการกระทำของผู้เข้าแข่งขันตรงกับกติกาที่กำหนดไว้ ทีมงานจะตัดสินได้ว่า "เข้ารอบ" หรือ "ตกรอบ" ถือได้ว่าเกมนี้ เป็นการเอาโชคชะตาของผู้เข้าแข่งขันในแต่ละคนมาวัดดวงกันว่า ใครเป็นคนที่มีดวงดีมากกว่ากัน
เกมวัดดวง จะออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 12 นาฬิกา 55 นาที ถึง 13 นาฬิกา 50 นาที ช่อง 5 พิธีกรโดย ดีเจไก่ สมพล ปิยะพงศ์สิริ และ น้าเน็ค เกตุเสพสวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา
สารบัญ |
[แก้] ประวัติการทำรายการ
- พ.ศ. 2545 เกมวัดดวงออกอากาศครั้งแรกในวันจันทร์ เวลา 23 นาฬิกาโดยประมาณ โดยมีพิธีกรห้องส่ง 2 คนคือ ดีเจไก่ และดีเจโจ้ ส่วนน้าเน็คเป็นพิธีกรภาคสนาม เนื่องจากการเล่นเกมที่ผ่านมามีความตึงเครียดให้กับผู้เข้าแข่งขัน (ที่ตกรอบบางคน) จึงทำให้เกมวัดดวงมีกติกาที่มีลักษณะกวน ๆ และเรียกเสียงหัวเราะได้มากทีเดียว โดยที่รอบแจ็กพอร์ต เป็นการเปิดป้ายหาเลข 1 โดยลุ้นให้ไปอยู่หลักแสน ซึ่งเป็นเงินรางวัลสูงสุด 100,000 บาท
- พ.ศ. 2546 เกมวัดดวงย้ายเวลาออกอากาศมาเป็น วันอังคาร เวลา 22 นาฬิกาโดยประมาณ และเริ่มมีกติกาทีเผลอซุกซ่อนเอาไว้ มีทั้งกำหนดให้ตกรอบและเข้ารอบ
- พ.ศ. 2547 เปลี่ยนรอบแจ็กพอร์ตเป็นหมุนวงล้อแบบสลากออกรางวัล (มีเฉพาะเลข 1 ถึง 3) ถ้าเลขตรงกับผู้เข้าแข่งขันทายจะได้รับเงินรางวัลไป และรางวัลสูงสุดเปลี่ยนเป็น 1,000,000 บาท
- พ.ศ. 2548 เกมวัดดวงย้ายเวลามาเป็นตอนกลางวัน ในเวลา 13 นาฬิกาของวันอาทิตย์ และเปลี่ยนรอบแจ็กพอร์ตเป็นเสี่ยงเซียมซีหาเงินรางวัล และในช่วงปลายปีมีการเปลี่ยนรอบแจ็คพอร์ตเป็นเป่ายิ้งฉุบจนถึงปัจจุบัน, และเกมวัดดวงได้มีส่วนรวมกับกิจกรรมของอีซุซุ ซึ่งใช้ชื่องานว่า อีซูซุดีแม็คซ์ ซูเปอร์คอมมอนเรลโชว์ วัดดวงทั่วไทย ซึ่งเป็นการค้นหาคนดวงดีประจำจังหวัดทั้วประเทศมาแข่งขันกัน ใครที่เป็นดวงดีที่สุดของประเทศจะได้รับรถอีซุซุ ดีแมกซ์รุ่นใหม่เป็นรางวัล
- พ.ศ. 2549 เกมวัดดวงย้ายเวลาออกอากาศมาเป็น วันเสาร์ เวลา 12 นาฬิกา 50 นาที ,เมื่อวันที่ 5 เมษายน ดีเจโจ้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับ ทำให้น้าเน็คมาเป็นพิธีกรห้องส่งแทน และเป็นทั้งพิธีกรภาคสนาม ซึ่งปี 2549 นี้ เกมวัดดวงได้มีการจัดงาน เกมวัดดวงขึ้นปีที่ 5 ซึ่งเป็นปีดังกล่าว เพระเกมวัดดวงได้ดำเนินรายการมาครบรอบ 4 ปีแล้ว, และปลายปีได้มีกิจกรรม อีซูซุดีแม็คซ์ ซูเปอร์คอมมอนเรลโชว์ วัดดวงทั่วไทย ภาค 2 จัดขึ้นอีกครั้ง โดยตัวแทนคนดวงดีมิสิทธิ์รับเงินรางวัลสูงสุดถึง 50,000 บาทในงานอีกด้วย
- พ.ศ. 2550 เกมวัดดวงได้เปลี่ยนการรับสมัครแบบเป็นทีม ทีมละ 25 คน แล้วนำ 2 ทีมมาวัดดวงหาผู้ชนะเพียง 1 คนเช่นเดิม และรอบแจ๊กพอร์ตเป็นเปิดป้ายของรางวัล ซึ่งเปิดได้ 2 ถึง 6 ป้าย
[แก้] กติกาการเล่นเกมวัดดวงในแต่ละรอบ
ในการเล่นเกมวัดดวงนั้น ทีมงานจะให้ผู้เข้าแข่งขันทำกิจกรรมร่วมกัน โดยมีป้ายกติกากวน ๆ กำหนดไว้ ซึ่งทีมงานจะเปิดก่อนเล่นหรือเปิดหลังเล่นก็ได้แล้วแต่กรณี เมื่อเปิดป้ายกติกาแล้ว การตัดสินถือว่าสิ้นสุด หากใครทำตามป้ายกติกานั้นจะตัดสินได้ทันทีว่า "เข้ารอบ" หรือ "ตกรอบ" ในรอบนั้น
ตัวอย่างเช่น "วัดดวงในการโยนลูกเต๋า ทายว่าเป็นคู่หรือคี่ ทายถูก = เข้ารอบ, ทายผิด = ตกรอบ" หมายความว่า ผู้เข้าแข่งขันจะต้องทายว่า ลูกเต๋านี้จะออกเลขคู่หรือคี่ เมื่อทายแล้วจะมีการโยนลูกเต๋า สมมุติว่า ผู้เข้าแข่งขันทายว่าออกเป็นเลขคู่ แล้วโยนลูกเต๋า ถ้าออกเลข 2,4 หรือ 6 เป็นเลขคู่ ถือว่าทายถูกและเข้ารอบ แต่ในทางกลับกัน ถ้าลูกเต๋าออกเลข 1,3 หรือ 5 เป็นเลขคี่ ถือว่าทายผิดและตกรอบ
กติกาการเล่นเกมวัดดวงในแต่ละเกมที่ออกอากาศ จะไม่เหมือนกัน และจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทุกเกม แต่สามารถแบ่งได้ออกเป็น 4 รอบ โดยรอบแรก จะมีผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดที่สมัครเข้ามาโดยประมาณ 40 ถึง 50 ในรอบนี้ส่วนใหญ่จะตัดสินกับกติกาย่อยหรือเล่นกันเป็นกลุ่ม การตัดสินเข้ารอบหรือตกรอบนั้น ส่วนใหญ่ไม่มีการคัดจำนวนจำกัดที่ตายตัว, หลังจากนั้น เมื่อเข้ามาสู่รอบที่ 2 จะคัดคนที่เข้ารอบให้เหลือไม่เกิน 20 คน, ผู้เข้าแข่งขันที่ผ่านเข้ารอบจากรอบที่ 2 จะต้องมาวัดดวงในรอบที่ 3 เมื่อเกมจบ จะเหลือผู้เข้าแข่งขันที่จะเข้ารอบที่ 4 เพียง 2 หรือ 3 คนเท่านั้น และในรอบสุดท้ายจะตัดสินหาคนดวงดีที่สุดเพียง 1 คน ใครดวงดีที่สุดเพียงคนเดียว จะได้เข้าไปชิงเงินรางวัล 1,000,000 บาทที่ห้องส่งของเกมวัดดวง
[แก้] การตกรอบของผู้เข้าแข่งขันในเกมวัดดวง
ลักษณะการตกรอบของเกมวัดดวงนั้น ผู้ที่ตกรอบ จะต้องคืนป้ายชื่อและเสื้อคลุมของเกมวัดดวง และจะโดนตราปั๊มคำว่า "ตกรอบ" ที่หน้าผาก เพื่อให้ทีมงานแยกออกว่าใครเข้ารอบหรือตกรอบ เสร็จแล้วทีมงานจะนำผู้ตกรอบทั้งหมดไปถือป้ายตกรอบแล้วถ่ายรูปพร้อมกัน การกระทำลักษณะนี้ ทีมงานเรียกกันสั้น ๆ อย่างสนุกสนานว่า "ปั๊มตรา ถือป้าย ไล่กลับบ้าน" ลักษณะของคนที่ตกรอบ มี 2 ลักษณะ ได้แก่
[แก้] ตกรอบตามเกมปกติ
เป็นลักษณะตามปกติ เมื่อผู้เข้าแข่งขันทำตามกติกาที่กำหนดว่าตกรอบ ก็จะตกรอบไป
[แก้] ตกรอบแบบโดนทีเผลอ
ทีเผลอ เป็นการซ่อนกติกากวน ๆ ที่ผู้เข้าแข่งขันทำโดยไม่รู้ตัวในระหว่างพักเกมหรือก่อนเริ่มเกม เช่น ระหว่างพักเกมนั้น ทีมงานได้แอบซ่อนกติกาทีเผลอเอาไว้ว่า "(เล่นทีเผลอ) ใครเข้าห้องน้ำ ตกรอบ" หมายความว่า ผู้เข้าแข่งขันที่เข้ารอบในระหว่างพักเกมนั้น คนไหนเผลอใช้ห้องน้ำ คนนั้นจะตกรอบแบบโดนทีเผลอ หรือ "(เล่นทีเผลอ) ใครออกจากห้องคนแรก ตกรอบ" หมายความว่า คนที่ออกจากห้องมาคนแรกจะตกรอบ ส่วนใหญ่กติกาเหล่านี้จะเป็นแบบไม่ทันรู้ตัว และสร้างความสนุกสนานได้มากทีเดียว
[แก้] รอบแจ๊กพอต
หลังจากที่เล่นเกมวัดดวงครบ 4 รอบแล้ว ผู้ที่ดวงดีที่สุด เพียง 1 คนจะได้เข้าไปชิงเงินรางวัล 1,000,000 บาท จะได้เล่นเกมในห้องส่ง เกมวัดดวงรอบแจ๊กพอต กติการการเล่นแจ๊กพอต ในแต่ละปีมีรายละเอียดดังนี้
[แก้] รอบแจ๊กพอตในปี พ.ศ. 2549
ผู้เข้าแข่งขันจะเลือกป้ายเป่ายิ้งฉุบ 7 แผ่นป้าย หากชนะป้ายที่ผ่านมา จะได้เงินรางวัล 10,000 บาท การเปิดป้ายเป่ายิ้งฉุบนั้น ในแต่ละป้าย จะเป็นดังนี้
- ป้ายที่ 1 รับไปก่อน 10,000 บาท
- ป้ายที่ 2 ชนะ ป้ายที่ 1 (ชนะ 1 ครั้ง) เปลี่ยนเป็น 20,000 บาท
- ป้ายที่ 3 ชนะ ป้ายที่ 2 (ชนะ 2 ครั้ง) เปลี่ยนเป็น 30,000 บาท
- ป้ายที่ 4 ชนะ ป้ายที่ 3 (ชนะ 3 ครั้ง) เปลี่ยนเป็น 40,000 บาท
- ป้ายที่ 5 ชนะ ป้ายที่ 4 (ชนะ 4 ครั้ง) เปลี่ยนเป็น 50,000 บาท
- ป้ายที่ 6 ชนะ ป้ายที่ 5 (ชนะ 5 ครั้ง) เปลี่ยนเป็น 100,000 บาท
- ป้ายที่ 7 ชนะ ป้ายที่ 6 (ชนะทั้งหมด) จะได้รับเงินรางวัลแจ๊กพอต 1,000,000 บาท
ในขณะที่เล่นนั้นสามารถหยุดเมื่อไหร่ก็ได้ที่อยากจะหยุด และได้รับเงินรางวัลนั้นไป ในกรณีที่เสมอ เงินรางวัลยังคงที่และเล่นต่อ ถ้าแพ้ จะเปลี่ยนเป็น 0 บาท แต่ทีมงานจะมีเงินรางวัลปลอบใจเป็นค่ายานพาหนะกลับบ้าน 5,000 บาท
[แก้] รอบแจ๊กพอตในปัจจุบัน
รอบแจ๊กพอตในปีนี้ เป็นการเปิดป้ายหาของรางวัลมูลค่าไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท เริ่มแรก ผู้เข้ารอบแจ็กพอต จะได้หมุนคันโยก เพื่อให้ได้เลขจำนวนการเปิดป้าย 2 ถึง 6 ป้าย เมื่อได้จำนวนป้ายที่เปิดแล้ว จึงจะมาเปิดป้ายของรางวัล 10 แผ่นป้าย เมื่อเปิดเจอป้ายอะไร จะได้รับของรางวัลดังกล่าว ถ้าเปิดเจอสัญลักษณ์รูปวัวกระทิงแดง 2 ข้างชนกัน (ซึ่งจะมี 2 ป้าย) จะได้รับของรางวัลทั้งหมดในรอบแจ็กพอต