ปราสาทชูริ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ปราสาทชูริ (Shuri Castle) เป็นปราสาทแบบริวกิว ตั้งอยู่ในเขตชูริ จังหวัดโอกินาว่า เคยเป็นพระราชวังในสมัยอาณาจักรริวกิว เมื่อปี 1945 ระหว่างศึกโอกินาว่า ปราสาทถูกทำลายเกือบทั้งหมด เหลือเพียงกำแพงไม่กี่ส่วนโผล่พ้นเหนือพื้นดินเพียง 20-30 เซนติเมตร จนกระทั่งปี 1992 ได้มีการก่อสร้างปราสาทขึ้นใหม่ให้มีลักษณะเดิมโดยอ้างอิงจากภาพถ่าย บันทึกทางประวัติศาสตร์ และความทรงจำของผู้อาศัยอยู่แถบนั้น
สารบัญ |
[แก้] ประวัติ
ช่วงเวลาที่เริ่มสร้างปราสาทนั้นไม่ปรากฏแน่ชัด แต่เป็นที่ทราบแน่นอนว่าได้ถูกใช้เป็นที่พำนักในยุค Sanzan ประมาณกันว่าน่าจะถูกสร้างในระหว่างยุค Gusuku เช่นเดียวกับปราสาทอื่นๆในโอกินาว่า เมื่อกษัตริย์โช ฮาชิได้รวบรวมดินแดนทั้ง 3 แห่งของโอกินาว่าและสถาปนาอาณาจักรริวกิว ได้ทรงใช้ปราสาทชูริเป็นที่ประทับ และในช่วงเวลาเดียวกันนี้ เมืองชูริได้เจริญรุ่งเรืองมากขึ้นจนได้รับการยกฐานะเป็นเมืองหลวง
ต่อมาอีก 450 ปีหลังจากเริ่มต้นคริสตศตวรรษที่ 15 เมืองชูริกลายเป็นศูนย์กลางทางการปกครองของอาณาจักรริวกิว และยังเป็นหัวใจหลักทางด้านการค้ากับต่างประเทศ การเมือง การศึกษา และวัฒนธรรมของริวกิว
ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ ปราสาทชูริเกิดเพลิงไหม้หลายครั้ง แต่ก็มีการก่อสร้างขึ้นใหม่ทุกครั้ง ก่อนที่จะเกิดศึกโอกินาว่า ปราสาทได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติประจำชาติ แต่ในระหว่างสงคราม กองทัพญี่ปุ่นได้สร้างฐานบัญชาการขึ้นที่ใต้ดินของปราสาท และเริ่มใช้งานในวันที่ 25 พฤษภาคม 1945 เรือ'มิสซูรี"ซึ่งเป็นเรือรบอเมริกัน ได้ร่วมกับเรือรบลำอื่นๆระดมยิงปราสาทและฐานทัพเป็นเวลา 3 วัน จนปราสาทถูกเผาทำลายในวันที่ 27 พฤษภาคม
หลังจากสงครามสงบลง มหาวิทยาลัยริวกิวได้ย้ายสถานที่มายังบริเวณปราสาท ในปี 1958 ประตูชูเรอิของปราสาทถูกสร้างขึ้นใหม่ และตามมาด้วยอาคารหลักในปี 1992 ปัจจุบันนี้ พื้นที่รอบปราสาททั้งหมดถูกจัดให้เป็นสวนสาธารณะชื่อว่า Shuri Castle Park และในปี 2000 ปราสาทนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมกับโบราณสถานอื่นๆในโอกินาว่า
[แก้] สถานที่สำคัญบริเวณปราสาท
เนื่องด้วยปราสาทชูริมีความบทบาทในแง่ของการเป็นศูนย์กลางทางการปกครองและศาสนา บริเวณปราสาทจึงมีสถานที่และโบราณวัตถุที่สำคัญมากมาย มีจุดเด่นคือ ประตูชูเรอิ ซึ่งเป็นประตูหลักของปราสาท และ Tamaudun สุสานหลวงที่ตั้งอยู่ถัดจากปราสาทชูริ
[แก้] ประตูหินที่ศาลเจ้า Sonohyan-utaki
ประตูหินนี้ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของประตูชูเรอิ สร้างขึ้นในปี 1519 โดยกษัตริย์โชชิน กษัตริย์พระองค์ที่สามแห่งราชวงศ์โชที่สอง ที่ศาลเจ้า Sonohyan-utaki นี้ กษัตริย์จะทรงสวดภาวนาเพื่อความปลอดภัยในการออกเดินทางทุกครั้ง ประตูหินนี้สะท้อนให้เห็นถึงความชำนาญในการแกะสลักหินปูนของช่างในสมัยอาณาจักรริวกิว จนได้รับการยกย่องให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมประจำชาติ และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยแยกรายชื่อจากปราสาทชูริ
[แก้] อุทยานหลวงชิกินะ
สร้างขึ้นในปี 1799 ทั้งอุทยานหลวงและตำหนักที่ตั้งอยู่บริเวณเดียวกัน ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่พักผ่อนของเหล่าเชื้อพระวงศ์เท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ต้อนรับทูตานุทูตจากจีนอีกด้วย โครงร่างรูปวงกลมของอุทยานมีความคล้ายคลึงกับสวนแบบญี่ปุ่นสมัยใหม่ แต่ตัวตำหนักซึ่งมุงด้วยกระเบื้องสีแดงมีเอกลักษณ์ของศิลปะแบบริวกิวแท้ ส่วนสระน้ำและสะพานข้ามไปสู่เกาะเล็กๆกลางน้ำได้รับการจัดด้วยศิลปะแบบจีน อุทยานแห่งนี้เป็นแบบอย่างของการจัดสวนแบบริวกิวที่หาได้ยากยิ่งและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ จึงได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกพร้อมกับปราสาทชูริ
[แก้] แหล่งอ้างอิงที่มา
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น