การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 1
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีแห่งที่ 2 ของประเทศไทย โดยเป็นศูนย์กลางในด้านต่างๆถึง 417 ปี เป็นเมืองหลวงที่อายุยาวที่สุดของไทย โดยมีกษัตริย์ทั้งสิ้น 33 พระองค์ จาก 5 ราชวงศ์ คือ ราชวงศ์อู่ทอง ราชวงศ์สุพรรณภูมิ ราชวงศ์สุโขทัย ราชวงศ์ปราสาททองและราชวงศ์บ้านพลูหลวง* เป็นอาณาจักรที่เจริญรุ่งเรืองทั้งด้านการทหาร ด้านการทูตและด้านเศรษฐกิจที่สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในสมัยนั้น มีการเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่าถึงสองครั้ง ครั้งที่ 1 ในปี พ.ศ. 2112 โดยพระเจ้าบุเรงนอง และครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2310 โดยพระเจ้ามังระ
สารบัญ |
[แก้] เหตุการณ์ก่อนเสียกรุงครั้งที่ 1

ในสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ กษัตริย์พระองค์ที่ 15 ของกรุงศรีอยุธยา (องค์ที่ 12 ของราชวงศ์สุพรรณภูมิ) ได้ทำสงครามกับพระเจ้าบุเรงนอง พระเจ้าสิบทิศแห่งราชวงศ์ตองอูของพม่า คือสงครามช้างเผือก ผลปรากฏว่าอยุธยาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ อยุธยาจึงต้องเสียช้างเผือกไปถึง 4ช้าง , พระราเมศวร (คนละพระองค์กับกษัตริย์องค์ที่ 2 ของกรุงศรีอยุธยา) พระราชโอรสองค์โต ในสมเด็จพระมหาจักรพรรดิและสมเด็จพระสุริโยทัย ทั้งยังได้พระสุนทรสงครามและพระยาจักรีไป ต่อมาสมเด็จพระไชยเชษฐาแห่งล้านช้างได้ส่งสาส์นมาสู่ขอพระเทพกษัตรี พระธิดาของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิไปเป็นพระมเหสีสมเด็จพระมหาจักรพรรดิจึงเห็นว่าการพระราชทานพระธิดาไปนั้นเป็นการสร้างพันธมิตรแก่อยุธยาจึงพระราชทานไป** แต่ถูกพม่าชิงตัวไป เพราะการแจ้งข่าวนี้ของพระมหาธรรมราชาแก่พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง ในปี พ.ศ.2111 สมเด็จพระมหาจักรพรรดิเสด็จสวรรคต ในช่วงของสงครามครั้งนี้ สมเด็จพระมหินทราธิราชจึงเสด็จขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์องค์ต่อมาแล้วจึงเสียกรุง
[แก้] เหตุการณ์ช่วงเสียกรุงครั้งที่ 1


พระเจ้าบุเรงนองมีดำริจะบุกเอากรุงศรีอยุธยาเป็นเมืองขึ้น จึงยกทัพตีเมืองต่างๆ ที่เป็นเมืองในปกครองของกรุงศรีอยุธยาแม้กระทั่งเมืองพิษณุโลกสองแคว แต่ก็ยังไม่สามารถตีกรุงศรีอยุธยาให้แตกได้ สมเด็จพระเจ้าอภัยพุทธบวร ไชยเชษฐาธิราชแห่งอาณาจักรล้านช้าง ได้เสด็จยกมาช่วยแต่ก็ถูกพม่าตีแตกพ่ายที่สระบุรี พระยาจักรีหนึ่งในเสนาที่ถูกกุมตัวไปยังกรุงหงสาวดี เมื่อครั้งแพ้สงครามช้างเผือก ก็เห็นแก่ทรัพย์ที่พระเจ้าบุเรงนองประทานให้ผู้ที่คิดแผนตีกรุงศรีอยุธยาลงได้ จึงเสนอตัวเป็นหนอนบ่อนไส้ในกรุงศรีอยุธยา โดยเข้าไปในกรุงศรีอยุธยาทำทีเป็นว่าลอบหนีมาจากกรุงหงสาวดีได้ ประกอบด้วยความไว้พระทัยที่พระมหินทราธิราชมีต่อพระยาจักรีผู้นี้ จึงได้ดำรงตำแหน่งเป็นแม่ทัพใหญ่ พระยาจักรีจึงวางอุบายให้ทหารที่มีความสามารถไปประจำกองที่ไม่มีความสำคัญ และให้ทหารที่ไร้ฝีมือมาเป็นทัพหน้าประจัญบานกับกองทัพของพระเจ้าบุเรงนอง เพียงข้ามคืนกรุงศรีอยุธยาก็พ่ายแพ้ เสียกรุงให้กับพม่าเป็นครั้งแรก
[แก้] รางวัลของพระยาจักรี
พระยาจักรีเมื่อกลับไปเข้าเฝ้าพระเจ้าบุเรงนอง ก็ผิดคาด ด้วย พระเจ้าบุเรงนองมีพระราชโองการให้ประหารชีวิตพระยาจักรีเนื่องจากการเป็นกบฎ กล่าวคือ พระยาจักรีนั้นทำได้แม้กระทั่งการทรยศบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง แล้วต่อไปในภายภาคหน้าก็คงจะสามารถทรยศกรุงหงสาวดีได้เช่นกัน โดยตอกมือไว้กับหีบทองของรางวัลที่บุเรงนองประทานให้แล้วจับถ่วงน้ำ
[แก้] เหตุการณ์หลังเสียกรุงครั้งที่ 1
สมเด็จพระมหินทราธิราช ถูกพาตัวไปที่กรุงหงสาวดี โดยบุเรงนองตั้งให้สมเด็จพระมหาธรรมราชาเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ของอยุธยา ซึ่งมาจากราชวงศ์สุโขทัย
[แก้] การประกาศอิสรภาพ
ในปี พ.ศ.2127 สมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง พ้นจากการเป็นประเทศราชของพม่าตั้งแต่บัดนั้น (รวมเวลาที่เป็นเมืองขึ้นของพม่า 15 ปี)
[แก้] หมายเหตุ
- ยังไม่ชัดเจนในเรื่องของราชวงศ์ของอยุธยา เพราะจากในตำราอื่นๆระบุว่าพระเจ้าปราสาททองเป็นโอรสลับของพระเอกาทศรถ และขุนหลวงสรศักดิ์ก็เป็นโอรสลับของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
- ตอนแรกที่สาส์นนี้มาถึงพระเทพกษัตรีประชวรอยู่จึงส่งพระธิดาซึ่งเกิดจากสนมพระนามว่าพระแก้วฟ้าแต่ถูกส่งกลับมาพร้อมสาส์นอีกฉบับว่าต้องการแต่พระเทพกษัตรีที่ประสูติจากพระสุริโยทัยที่กล้าหาญเท่านั้นทางอยุธยาจึงส่งพระเทพกษัตรีไปจนเกิดเหตุนี้