ชลธี ธารทอง
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ชลธี ธารทอง เป็นนักแต่งเพลงลูกทุ่งชื่อดังระดับตำนาน โดยมีผลงานเป็นที่รู้จักและคุ้นหูคนไทยมากมาย และได้สร้างนักร้องชื่อดังหลายคนประดับวงการลูกทุ่งไทย ชลธี ธารทอง ได้รับการประกาศให้เป็นศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง(นักแต่งเพลงลูกทุ่ง)ปี 2542
สารบัญ |
[แก้] ประวัติ
ชลธี ธารทอง มีชื่อจริงว่า สมนึก ทองมา เกิดเมื่อ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2480 ที่ จ.ชลบุรีพ่อมีอา ชีพรับจ้างเร่ร่อนไปทั่ว แม่เจ็บท้องคลอดตอนกำลังเกี่ยวข้าว และตกเลือดตายตั้งแต่อายุ 6 เดือน ตอนเขาเกิด แม้แต่ผ้าขี้ริ้วที่จะนำมาทำผ้าอ้อมก็ยังไม่มี ชีวิตในวัยเด็กนั้นยากจน ชลธีเข้าเรียนชั้นประถม 1 ที่โรงเรียนวัดแก้วศิลาราม ที่ชลบุรี มาต่อชั้นประถม 4 ที่โรงเรียนวัดโคกขี้หนอน ที่ชลบุรี จบการศึกษาชั้นมัธ ยมศึกษาจากโรงเรียนประชาสงเคราะห์ อ.พานทอง จ.ชลบุรี จากนั้นก็ย้ายมาอยู่กับญาติที่ราชบุรี เขาเคยผ่านงานมาหลากหลาย ทั้งทำนา ทำไร่ ขุดดินเผาถ่าน ช่างไม้ ก่อสร้าง นักมวย ลิเกนักพากษ์หนัง หางเครื่อง กรรมกร และนักร้อง
[แก้] เข้าสู่วงการ
ชลธีสนใจการร้องเพลงลูกทุ่งมาตั้งแต่เล็ก และเคยเป็นนักร้องเพลงเชียร์รำวงของวงดาวทอง เชียร์รำวงชื่อ ดังอีกวงของยุคนั้น ต่อมาสมัครเข้าเป็นนักร้องในวงดนตรีของสุรพล สมบัติเจริญ ราชาเพลงลูกทุ่งไทย และได้ขึ้นเวทีในวันที่มาสมัคร แต่เนื่องจากไม่มี่ที่พักในกรุงเทพฯ ต้องเดินทางไปกลับต่างจังหวัด(ราชบุรี)ขณะเดียวกันก็ไม่ชำนาญเส้นทางในกรุงเทพ จึงมาเข้าวงสายตลอด 3 วันถัดมา จึงถูกไล่ออก
จากนั้นก็มีผู้ชักชวนให้มาอยู่กับวงลิเก และพากษ์หนัง ก่อนจะบวช หลังจากสึกก็มาเป็นหางเครื่องอยู่กับวงเทียนชัย สมญาประเสริฐ ที่มีนักร้องดังอย่าง ผ่องศรี วรนุช ซึ่งเป็นภรรยารวมอยู่ด้วย แต่ลาออกจากวงเพราะถูกกล่าวหาว่าขโมยทองของนักร้องในวงระหว่างที่รถของคณะเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ
ต่อมา ได้สมัครประกวดร้องเพลงที่จัดโดยวงรวมดาวกระจายของครูสำเนียง ม่วงทองโดยใช้เพลงที่เขาแต่งขึ้นเอง ซึ่งเขาก็ชนะ และครูสำเนียงรับให้มาอยู่ร่วมคณะ แต่ไม่ได้ขึ้นร้องเพราะนักร้องเต็ม และครูสำเนียงเป็นคนตั้งชื่อให้เขาว่า ชลธี ธารทอง เพราะเป็นคนเมืองชลฯ หลังจากอยู่มาปีครึ่ง ชลธี จึงได้ขึ้นร้องเพลง และต่อมาได้อัดแผ่นเสียงรวม 4 เพลง แต่ไม่ดังซักเพลง ระหว่างนั้น ถ้ามีเวลาว่า เขาก็ ได้ศึกษาวิชาแต่งเพลงอย่างเป็นกิจจะลักษณะจากครูสำเนียง และก็ได้นำความรู้ความสามารถในการเขียนโคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน มาใช้ในการแต่งเพลง
ระหว่างที่อยู่วงรวมดาวนี้เอง ที่เพลงพอหรือยัง ถูกศรคีรี ศรีประจวบของชลธี ถูกนำไปร้องจนประ สบความสำเร็จ แต่ไม่มีใครเชื่อว่าเขาเป็นคนแต่ง เพราะเพลงนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เขาไปหลงรักสาวร่วมคณะรวมดาวกระจาย และก็อกหัก เลยแต่งเพลงนี้นำมาร้องแก้กลุ้ม พอดีมีนักร้องชายในวงอีกคนเกิดชอบ ก็มาขอไปร้องบนเวที ต่อมานักร้องคนนั้นโดนไล่ออก และได้ไปอยู่กับวงศรคีรี และเมื่อศรคีรีได้ยินเพลงนี้จึงถามว่าใครแต่ง นักร้องคนนั้นได้บอกว่าเขาแต่งเอง ศรคีรีจึงขอเอามาอัดแผ่นเสียงโดยใช้ชื่อคนแต่งว่าศรคีรี เมื่อชลธี ธารทอง ออกมา ทักท้วง ศรคีรี ก็ได้มาอธิบายจนเป็นที่เข้าใจกันทุกฝ่าย
ครั้งที่อยู่กับวงรวมดาวกระจาย ชลธีมีโอกาสบันทึกเสียง 4 เพลง แต่ไม่ดังสักเพลง ต่อมาชลธี ถูกไล่ออกจากวงรวมดาว ในข้อกล่าวหาดังแล้วแยกวง ซึ่งไม่เป็นความจริง จากนั้นก็มีนายทุนออกเงินตั้งวงให้ ชื่อวง " สุรพัฒน์ " แต่ก็ไปไม่รอด ขณะที่เพลงของเขาก็ขายไม่ค่อยได้เพราะคนไม่รู้จักชื่อเสียง ก็พอดีกับศรคีรีมาขอให้ช่วยแต่งเพลงให้ แต่พอเขาแต่งเพลงชุดนั้นเสร็จ ศรคีรีก็มาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเสียก่อน ชลธีจึงตัดสินใจหันหลังให้วงการเพลง และหอบครอบครัวไปช่วยพ่อตาแม่ยายทำไร่ข้าวโพดที่แก่งเสือเต้น แต่ก่อนจะไปจากกรุงเทพฯ เขาบังเอิญไปพบกับเด็กล้างรถที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งแถวบุคคโล ซึ่งมีเสียงถูกใจ จึงได้มอบเพลง 2 เพลงที่กะจะให้ศรคีรีกับเด็กคนนั้นไปโดยไม่คิดเงิน ต่อมาเด็กคนนั้นก็คือสายัณห์ สัญญา ที่โด่งดังจากเพลง"ลูกสาวผู้การ" และ "แหม่มปลาร้า"ที่เขามอบให้ในวันนั้น
เมื่อสายัณห์ โด่งดัง เขาจึงถูกมนต์ เมืองเหนือเรียกตัวกลับกรุงเทพเพื่อให้มาแต่งเพลง ลูกศิษย์คนต่อมาของเขาก็คือ เสกศักดิ์ ภู่กันทอง ที่โด่งดังจากเพลง"ทหารอากาศขาดรัก" จากนั้นชลธี ก็ตั้งหน้าตั้งตาผลิตผลงานและสรรหานักร้องคุณภาพออกมาประดับวงการอยู่เนืองๆ จนประสบความสำเร็จอย่างมาก และ ในที่สุดก็ได้รับฉายาจาก "ยิ่งยง สะเด็ดยาด" คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ เดลี่่นิวส์ ว่า " เทวดาเพลง "
ชลธี ธารทองเคยหันมาจับธุรกิจทำวงดนตรีลูกทุ่ง โดยทำวงให้กับ สุริยัน ส่องแสง แต่ปรากฏว่า นัก ร้องนำถูกยิงตายเสียก่อน เขาเลยต้องเป็นหนี้ยกใหญ่
บทเพลงของชลธี ธารทองมีจุดเด่นในการเลือกสรรถ้อยคำในลักษณะของกวีนิพนธ์มาใช้ในการแต่งเพลง เนื้อหามีสาระส่งเสริมคุณค่าวิถีชีวิตไทย ท่วงทำนองเพลงมีความไพเราะตรึงใจผู้ฟัง บทเพลงมีความดีเด่นในศิลปะการประพันธ์ที่ใช้ฉันทลักษณ์หลายรูปแบบ เป็นนักแต่งเพลงที่แต่งทั้งคำร้องและทำนองเพลงเอง ผลงานเพลงล้วนแต่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของนักฟังเพลง สร้างนักร้องลูกทุ่งให้มีชื่อเสียงเป็นจำนวนมากอาทิ สายัณห์ สัญญา, ยอดรัก สลักใจ, เสกศักดิ์ ภู่กันทอง, วิลัย พนม,สดใส รุ่งโพธิ์ทอง, เสรีย์ รุ่งสว่าง, เอกพจน์ วงศ์นาค, บุษบา อธิษฐาน, สุนารี ราชสีมา ,ดำรง วงศ์ทอง, นพรัตน์ ไม้หอมเป็นต้น
[แก้] ผลงาน
ชลธี ธารทองมีผลงานการประพันธ์เพลงมากกว่า 2,000 เพลงที่เป็นที่รู้จักกันดีก็อย่างเช่น
- พอหรือยัง (ศรคีรี ศรีประจวบ)
- อีสาวทรานซิสเตอร์ (อ้อยทิพย์ ปัญญาธร)
- ไอ้หนุ่มตังเก (ไพรวัลย์ ลูกเพชร)
- หนาวใจที่ชายแดน (ไพรวัลย์ ลูกเพชร)
- สำรวยลืมคำ (ไพรวัลย์ ลูกเพชร)
- ล้นเกล้าเผ่าไทย (สายัณห์ สัญญา)
- จำปาลืมต้น (สายัณห์ สัญญา )
- ไอ้หนุ่มรถไถ (สายัณห์ สัญญา )
- คาถามัดใจ(สายัณห์ สัญญา )
- ปิดห้องร้องไห้(สายัณห์ สัญญา)
- นางฟ้ายังอาย(สายัณห์ สัญญา)
- พบรักปากน้ำโพ (สายัณห์ สัญญา)
- คำสั่งเตรียมพร้อม(สายัณห์ สัญญา)
- ล้นเกล้าเผ่าไทย (สายัณห์ สัญญา )
- แหม่มปลาร้า (สายัณห์ สัญญา)
- ลูกสาวผู้การ (สายัณห์ สัญญา )
- กินอะไรถึงสวย (สายัณห์ สัญญา )
- แฟนฉันไม่ต้องหล่อ (สุนารี ราชสีมา )
- เทพธิดาผ้าซิ่น (เสรีย์ รุ่งสว่าง )
- จดหมายจากแม่ (เสรีย์ รุ่งสว่าง)
- หนุ่มทุ่งกระโจมทอง (เสรีย์ รุ่งสว่าง)
- เรียกพี่ได้ไหม (เสรีย์ รุ่งสว่าง )
- จดหมายจากแนวหน้า (ยอดรัก สลักใจ )
- ล่องเรือหารัก(ยอดรัก สลักใจ)
- ทหารอากาศขาดรัก (เสกศักดิ์ ภู่กันทอง)
- หน้าอย่างเธอจะรักใครจริง (สดใส รุ่งโพธิ์ทอง )
- วันนี้สวยกว่าเมื่อวาน (สุริยัน ส่องแสง )
- กินข้าวกับน้ำพริก (ผ่องศรี วรนุช)
- จำปาคืนต้น (ผ่องศรี วรนุช)
- สาวปากน้ำโพ (ผ่องศรี วรนุช )
งานเขียน
- หนังสือ "ชลธี ธารทอง เทวดาเพลง" (2547)
[แก้] เกียรติยศ
- แผ่นเสียงทองคำพระราชทาน 1 รางวัล จากเพลง“อีสาวทรานซิสเตอร์” ปี 2525
- รางวัลเสาอากาศทองคำ 3 รางวัล จากเพลง “น้ำตาอีสาน”ปี 2518 ,“ใต้ถุนธรณี” ปี 2521และ "ห่มธงนอนตาย” ปี 2529
- รางวัลงานกึ่งศตวรรษลูกทุ่งไทยภาค 1-2 รวมจำนวน 7 รางวัล จากเพลง "ไอ้หนุ่มตังเก" , "ไม้เรียวครู" , " สาวใต้ไร้คู่" และ "อีสาวทรานซิสเตอร์" ปี 2532 และจากเพลง “ล้นเกล้าเผ่ไทย" , "เทพธิดาผ้าซิ่น" และ แรงงานข้าวเหนียว ปี 2534
- รางวัลชนะเลิศเพลงประเพณีสงกรานต์ของสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ 1 รางวัล ปี 2533
- รางวัลลูกทุ่งดีเด่นส่งเสริมวัฒนธรรมไทย 3 รางวัล จากเพลง" หนาวใจชายแดน" , "พบรักนครพนม" และ"จงทำดี”
- โล่เกียรติคุณงานมหกรรมเพลงอาเซียนที่ประเทศมาเลเซียจากเพลง"อีสาวทรานซิสเตอร์" ปี 2524
- ได้รับเกียรติให้นำผลงานเพลง "ล้นเกล้าเผ่าไทย" แสดงในงาน 60 ปี เล่าขานตำนานลูกทุ่งไทย