Static Wikipedia February 2008 (no images)

aa - ab - af - ak - als - am - an - ang - ar - arc - as - ast - av - ay - az - ba - bar - bat_smg - bcl - be - be_x_old - bg - bh - bi - bm - bn - bo - bpy - br - bs - bug - bxr - ca - cbk_zam - cdo - ce - ceb - ch - cho - chr - chy - co - cr - crh - cs - csb - cu - cv - cy - da - de - diq - dsb - dv - dz - ee - el - eml - en - eo - es - et - eu - ext - fa - ff - fi - fiu_vro - fj - fo - fr - frp - fur - fy - ga - gan - gd - gl - glk - gn - got - gu - gv - ha - hak - haw - he - hi - hif - ho - hr - hsb - ht - hu - hy - hz - ia - id - ie - ig - ii - ik - ilo - io - is - it - iu - ja - jbo - jv - ka - kaa - kab - kg - ki - kj - kk - kl - km - kn - ko - kr - ks - ksh - ku - kv - kw - ky - la - lad - lb - lbe - lg - li - lij - lmo - ln - lo - lt - lv - map_bms - mdf - mg - mh - mi - mk - ml - mn - mo - mr - mt - mus - my - myv - mzn - na - nah - nap - nds - nds_nl - ne - new - ng - nl - nn - no - nov - nrm - nv - ny - oc - om - or - os - pa - pag - pam - pap - pdc - pi - pih - pl - pms - ps - pt - qu - quality - rm - rmy - rn - ro - roa_rup - roa_tara - ru - rw - sa - sah - sc - scn - sco - sd - se - sg - sh - si - simple - sk - sl - sm - sn - so - sr - srn - ss - st - stq - su - sv - sw - szl - ta - te - tet - tg - th - ti - tk - tl - tlh - tn - to - tpi - tr - ts - tt - tum - tw - ty - udm - ug - uk - ur - uz - ve - vec - vi - vls - vo - wa - war - wo - wuu - xal - xh - yi - yo - za - zea - zh - zh_classical - zh_min_nan - zh_yue - zu

Web Analytics
Cookie Policy Terms and Conditions เจมส์ วัตต์ - วิกิพีเดีย

เจมส์ วัตต์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


บทความนี้ ได้รับการแจ้งว่า เนื้อหาบางส่วนต้องการการตรวจสอบความถูกต้อง
กรุณาคงป้ายนี้ไว้และอ่านบทพูดคุยในหน้าปภิปราย ก่อนเริ่มทำการแก้ไข
บทความนี้มีลิงก์แทรกในบทความที่ข้ามไปภาษาอื่นโดยเป็นลิงก์สีฟ้าอ่อน
โดยผู้เขียนใส่ไว้เพื่อสะดวกในการเขียน และควรแก้ลิงก์ภาษาอื่นเป็นข้อความธรรมดา เมื่อมีลิงก์ภาษาไทยที่ถูกต้อง หรือเห็นควร เพื่อไม่ให้ผู้อ่านสับสน

บทความนี้เกี่ยวกับ เจมส์ วัตต์ นักประดิษฐ์ สำหรับ วัตต์ ในความหมายอื่นๆ ดูที่ วัตต์ (แก้ความกำกวม)


เจมส์ วัตต์
เจมส์ วัตต์
ชาตะ 19 มกราคม พ.ศ. 2279 (1736)
มรณะ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2362 (1819)


เจมส์ วัตต์ (James Watt) 19 มกราคม พ.ศ. 2279 (1736) - 19 สิงหาคม พ.ศ. 2362 (1819) วิศวกรและนักประดิษฐ์ ชาวสก๊อตแลนด์ ผู้ปรับปรุงเครื่องจักรไอน้ำ จนนำไปสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม และเป็นที่มาของหน่วยกำลังไฟฟ้าในระบบเอสไอ

สารบัญ

[แก้] ชีวิตช่วงต้น

เจมส์ วัตต์ เกิดใน กรีนนอค (Greenock) เมืองท่าของ อ่าวไคลด์ (Firth of Clyde) พ่อเป็นช่างต่อเรือผู้เป็นเจ้าของเรือและรับเหมา แม่เป็นผู้มีการศึกษาจากตระกูลผู้ดี ทั้งคู่เป็นคริสเตียนที่เคร่งครัด เขาเรียนแบบโฮมสคูลโดยแม่ของเขา เขาถนัดคณิตศาสตร์ และสนใจเทววิทยาของสก๊อตแลนด์ แต่อ่อนวิชาภาษาละตินและภาษากรีกโบราณ [1]

แม่ตายเมื่อวัตต์อายุ 17 ปี และพ่อก็เริ่มสุขภาพไม่ดี เขาไปยังลอนดอนเพื่อเรียน การผลิตเครื่องชั่งตวงวัด (Measuring instrument making) อยู่ 1 ปี จึงกลับสก๊อตแลนด์ โดยไปที่กลาสโกว์ (Glasgow) ตั้งใจจะตั้งต้นธุรกิจเครื่องชั่งตวงวัดของตน แต่เนื่องจากไม่ได้ฝึกงานอย่างน้อย 7 ปี สมาคมช่างกลาสโกว์ (Glasgow Guild of Hammerman) จึงระงับใบอนุญาต แม้ว่าไม่มีช่างทำเครื่องชั่งตวงวัดที่มีความแม่นยำในสก๊อตแลนด์ก็ตาม

วัตต์พ้นทางตันโดยศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยกลาสโกว์ให้โอกาสทำงานในตำแหน่งพนักงานผู้ช่วยศาสตราจารย์ ทำหน้าที่ดูแล ประดิษฐ์และซ่อมบำรุงเครื่องมือ เครื่องจักร สื่อการสอน เขาตั้งต้นร้านและโรงงานขนาดเล็กภายในมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2300 (1757) ซึ่งหนึ่งในศาสตราจารย์เหล่านั้น โจเซฟ แบล็ค (Joseph Black) นักฟิสิกส์เคมี ก็ได้กลายเป็นเพื่อนสนิทและที่ปรึกษาของเขา


[แก้] ชีวิตครอบครัว

พ.ศ. 2307 (1764) วัตต์แต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของเขา มาร์กาเรต มิลเลอร์ มีลูกด้วยกัน 5 คน แต่ตายตั้งแต่เด็ก 3 คน แล้วเธอก็ตายในการคลอด พ.ศ. 2316 (1773)

พ.ศ. 2319 (1776) เขาแต่งงานอีกครั้งกับ แอนน์ แม็คเกรเกอร์ ลูกสาวของช่างย้อมสีในกลาสโกว์ผู้ช่วยชีวิตเขา


[แก้] ชีวิตงานและผลงาน

หลังจากเปิดร้าน 4 ปี วัตต์เริ่มทำงานเกี่ยวกับ เครื่องจักรไอน้ำ จากการแนะนำของเพื่อนของเขา ศาสตราจารย์ จอห์น โรบินสัน (John Robison) ขณะนั้นเขายังไม่เคยรู้จักกลไกเครื่องจักรไอน้ำเลย แต่ก็สนใจมาก เขาพยายามลองสร้างจากเครื่องจักรต้นแบบ ซึ่งผลไม่น่าพอใช้ แต่ก็ทำงานต่อไปและเริ่มอ่านทุกอย่างที่เกี่ยวข้องเท่าที่จะทำได้ และค้นพบด้วยตนเองเกี่ยวกับ นัยสัมพันธ์ของ ความร้อนแฝง (latent heat) ในการทำงานของเครื่องจักร โดยไม่รู้ว่าแบล็คได้ค้นพบอย่างโด่งดังเมื่อหลายปีก่อน

พ.ศ. 2306 (1763) วัตต์ได้รู้ว่า มหาวิทยาลัยเป็นเจ้าของ เครื่องจักรไอน้ำต้นแบบของ นิวโคเมน (Newcomen engine) ซึ่งเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยนั้น แต่เครื่องต้นแบบถูกส่งไปซ่อมพัฒนาที่ลอนดอน เขาจึงร้องขอให้มหาวิทยาลัยนำมันกลับมาให้เขาซ่อมเองโดยไม่คิดค่าตอบแทน ทำให้เขาได้แนวทางที่จะสร้างเครื่องจักรที่กะทัดรัดขึ้น และทำงานได้แบบต่อเนื่องไม่มีจังหวะนิ่ง

และหลังจากทดลองหลายครั้ง เขาแสดงให้เห็นว่า ความร้อนจากไอน้ำถึงประมาณ 80% ถูกสิ้นเปลืองไปเป็นความร้อนใน กระบอกสูบ เพราะไอน้ำในนั้นถูกสันดาปจากการฉีดน้ำเย็น เขาแก้ปัญหาทำให้ไอน้ำสันดาปในห้องที่แยกจาก ลูกสูบ เพื่อรักษาอุณหภูมิในกระบอกสูบให้เท่ากับอุณหภูมิขณะอัดไอน้ำ ในไม่ช้าเขาก็สร้างเครื่องต้นแบบที่ทำงานได้จริงเมื่อปลาย พ.ศ. 2308 (1765) จดสิทธิบัตรในชื่อ เครื่องสันดาปแยก (separate condenser)

การผลิตเครื่องจักรเต็มรูปแบบ นอกจากความอุตสาหะยาวนาน ยังต้องใช้ทุนทรัพย์มาก ทั้งยังต้องใช้เงินทุนจำนวนมากเพื่อดำเนินการจดสิทธิบัตร เครื่องจักรกลหนัก (ground-breaking) ซึ่งเป็นข้อบังคับของพระราชบัญญัติในยุคนั้น ทุนส่วนหนึ่งมาจากภรรยา แต่ส่วนใหญ่มาจากแบล็ค ขณะที่การประกอบชิ้นส่วนได้รับสนับสนุนจาก จอห์น โรบัค (John Roebuck) ผู้ก่อตั้งโรงงานรีดเหล็กคาร์รอน ใกล้ฟัลเคิร์ค (Falkirk) ซึ่งช่วยจัดหาหุ้นส่วน แต่ความยากประการใหญ่อยู่ในการไสกลึงลูกสูบและกระบอกสูบให้เข้ากัน ทั้งคนงานรีดขณะนั้นก็เป็นช่างตีเหล็กมากกว่าเป็นช่างเครื่องจักรกล เมื่อใช้เวลาทดลองวิจัยนาน ผู้ให้ทุนจึงเลิกไป

เพื่อประหยัดเงินทุน วัตต์ถูกบีบคั้นให้เริ่มรับจ้างเป็นช่างรังวัดถึง 8 ปี ต่อมาโรบัคล้มละลาย และ มัทธิว โบลตัน (Matthew Boulton) เจ้าของโรงงานหล่อและเครื่องเคลือบโซโฮ ใกล้เบียร์มิงแฮม (Birmingham) ได้เข้าช่วยเหลือเป็นผู้ถือหุ้น จนประดิษฐ์เครื่องจักรสำเร็จตามเป้าหมาย และได้สิทธิบัตรอย่างถูกต้อง ในชื่อ เครื่องจักรไอน้ำแบบวัตต์ Watt Steam Engine ซึ่งทำงานเรียบกว่าและมีประสิทธิภาพมากกว่า เครื่องจักรไอน้ำที่เขาสร้างเป็นประโยชน์ในทางอุตสาหกรรม เป็นจุดเริ่มสู่พัฒนาการของเครื่องจักรต่างๆ และมีผลต่อเนื่องแก่ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในทุกแขนง

ในที่สุดวัตต์ก็ได้คนงานรีดที่ยอดเยี่ยม ขณะที่ความยากในการประกอบกระบอกสูบขนาดใหญ่ที่แน่นพอดีกับลูกสูบ ก็ถูกแก้ไขโดย จอห์น วิลคินสัน (John Wilkinson ผู้พัฒนาเทคนิคคว้านลำกล้องที่เที่ยงตรงสำหรับปืนใหญ่


และเมื่อ พ.ศ. 2319 (1776) เครื่องจักรไอน้ำตัวแรกก็ถูกติดตั้งและเริ่มทำงานในอุตสาหกรรมพาณิชย์ เป็นเครื่องสูบแบบเคลื่อนไหวสวนทางเท่านั้น (only reciprocating motion)

การสั่งซื้อมากขึ้นเป็นเทน้ำเทท่า ตลอด 5 ปีถัดไป วัตต์ยุ่งอยู่กับการติดตั้งเครื่องจักรมากขึ้นๆ ส่วนใหญ่จาก คอร์นวอลล์ (Cornwall) เป็นเครื่องสูบน้ำในเหมือง วัตต์ได้ลูกจ้างคนสำคัญคือ วิลเลียม เมอร์ดอช (William Murdoch) ซึ่งเป็นกำลังสำคัญ และต่อไปภายหลังได้ร่วมถือหุ้นกับพวกเขา

ขอบข่ายงานประยุกต์สิ่งประดิษฐ์กว้างขวางขึ้นอย่างมาก หลังจากโบลตันแนะนำให้วัตต์แปลง การเคลื่อนไหวแบบสวนทาง ของลูกสูบ ให้ทำงานแบบหมุน เพื่อการโม่, การทอ และการสีข้าว แม้ว่า ข้อเหวี่ยง (crank) ดูเหมือนทางออกที่มีเหตุผลเพื่อแปลงหนี้ของห้างหุ้นส่วนวัตต์แอนด์โบลตันที่ถูกเบียดบังเพราะการจดสิทธิบัตรสิ่งนี้ โดยผู้ถือหุ้น จอห์น สตีด และเพื่อน ก็เสนอแนะให้จดสิทธิบัตรแบบพ่วง (cross-licensing) กับเครื่องสันดาปภายนอก (external condensor) แต่วัตต์คัดค้านเสียงแข็ง (เพราะเป็นการเอาเปรียบผู้ใช้เครื่องจักรไอน้ำ) แล้วพวกเขาก็จำกัดเพียงสิทธิบัตรในชื่อ เฟืองทดโคจร (sun and planet gear) เมื่อ พ.ศ. 2524 (1781)


รูปปั้นวัตต์ใน จตุรัสแชมเบอร์เลน
รูปปั้นวัตต์ใน จตุรัสแชมเบอร์เลน

ตลอดกว่าหกปีต่อมา เขาปรับปรุงและประยุกต์สิ่งประดิษฐ์ที่ใช้กับเครื่องจักรไอน้ำและอุปกรณ์เสริมอีกจำนวนหนึ่ง เช่น

  • เครื่องจักรสองทาง (double acting engine) ที่ไอน้ำเข้ากระบอกสูบสองข้างในเครื่องเดียว
  • ลิ้นควบคุมพลังงานไอน้ำ
  • อุปกรณ์ควบคุมฝีจักรเหวี่ยงจากศูนย์กลาง (centrifugal governor) ที่ป้องกันไม่ให้มันหลุดออกจากกัน ซึ่งสำคัญมาก
  • เครื่องจักรไอน้ำหลายสูบ (compound engine) สามารถเชื่อมต่อเครื่องจักรถึง 2 ตัวหรือมากกว่า เขาอ้างถึงวิธีใช้งานเครื่องจักรอย่างกว้างขวาง สิทธิบัตรมากกว่า 2 ใบ ได้รับอนุญาตเมื่อ (พ.ศ. 2324) (1781) และ (พ.ศ. 2325) (1782)
  • หนึ่งในสิ่งประดิษฐ์สำคัญที่วัตต์ภูมิใจที่สุดคือ ข้อต่อประสานสามคาน หรือ การเคลื่อนที่แบบคู่ขนาน (three-bar linkage หรือ Parallel motion) ทำให้การเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงสำหรับ ก้านกระบอกสูบ (cylinder rod) ที่เชื่อมกับ คานส่งกำลัง (connected rocking beam) และสุดที่ โค้งครึ่งวงกลม ผลงานนี้ได้จดสิทธิบัตรเมื่อ พ.ศ. 2327 (1784) เมื่อผลิตประกอบกับเครื่องจักร สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 5 เท่า เทียบกับเครื่องจักรของนิวโคเมนที่ใช้เชื้อเพลิงแบบเดียวกัน
  • เครื่องจักรตีเหล็ก เมื่อ พ.ศ. 2327 (1784) [2]
  • เครื่องจักรปั่นฝ้าย เมื่อ พ.ศ. 2328 (1785)
  • มาตรวัดแรงดันไอน้ำ (steam indicator diagram) ซึ่งชี้บอก ความดันในรูปกระบอกสูบ พร้อมกับ ปริมาตรของกระบอกสูบ ที่สเกลสวนทางกัน ซึ่งเขาเก็บเป็นความลับทางการค้า

และการปรับปรุงอื่นอีกมากที่ประดิษฐ์ง่ายกว่าและเพิ่มการติดตั้งไม่ขาดสาย

  • วัตต์ยังได้ริเริ่ม วิธีคำนวณประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักร โดยใช้ม้าที่แข็งแรง 1 ตัว สามารถยกของหนัก 33,000 ปอนด์ เป็นระยะทาง 1 ฟุต ในเวลา 1 นาที เรียกกำลังปริมาณนี้ว่า 1 แรงม้า ใช้เป็นค่ามาตรฐานเปรียบเทียบกับการทำงานของเครื่องจักรต่างๆ

(ค่านี้อาจเทียบใหม่เป็น 33,00 ฟุต/1 ปอนด์/1 นาที ก็ได้ ซึ่งเป็นค่ามาตรฐานของ 1 แรงม้า ในปัจจุบัน)


เนื่องจากอันตรายจากหม้อน้ำระเบิดและรอยรั่วที่จะตามมา วัตต์จึงถูกคัดค้านในครั้งแรกที่จะใช้ไอน้ำความดันสูง ซึ่งจำเป็นสำหรับเครื่องจักรของเขาที่ใช้ไอน้ำใกล้ความดันบรรยากาศ (atmospheric pressure) (14.7 ปอนด์/นิ้ว2)

(แต่ความสำเร็จในการใช้ไอน้ำแรงดันสูงเกิดขึ้นในภายหลังโดย โอลิเวอร์ อีวานส์ (Oliver Evans) และ ริชาร์ด เทรวิทิค (Richard Trevithick) ในชื่อ เครื่องจักรไอน้ำแบบคอร์นิช (Cornish engines) ซึ่งใช้ วาล์วนิรภัย ซึ่งทำหน้าที่ปล่อยความดันที่เกินออก)


เมื่อ พ.ศ. 2337 (1794) ทั้งสองได้จดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด โบลตันแอนด์วัตต์ (Boulton & Watt) ซึ่งประกอบเครื่องจักรไอน้ำแต่เพียงผู้เดียว และประสบความสำเร็จมากตลอด 25 ปี กลายเป็นวิสาหกิจขนาดใหญ่

ประมาณ พ.ศ. 2367 (1824) ก็ได้ผลิต เครื่องจักรไอน้ำ 1164 (1164 steam engines) ที่มีกำลังแรงม้า(ตามนิยามในสมัยนั้น)ถึง 26,000 แรงม้า โบลตันพิสูจน์แล้วว่าเป็นนักธุรกิจที่ยอดเยี่ยม แล้วทั้งคู่ก็สร้างโชคชะตาได้ในที่สุด

วัตต์เป็นนักประดิษฐ์ที่กระตือรือร้น พร้อมกับจินตนาการเปี่ยมล้นซึ่งนำทางให้สำเร็จ เพราะเขาสามารถพบ"การปรับปรุงที่มากกว่าหนึ่ง"เสมอ เขาทำงานด้วยมืออย่างคล่องแคล่ว และยังสามารถใช้เครื่องวัดทางวิทยาศาสตร์อย่างมีระบบเพื่อตรวจผลการสร้างและปรับปรุงของเขา และเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงกลไกที่กำลังทำงานด้วยอยู่

วัตต์เป็นสุภาพบุรุษที่ได้รับการนับถือจากผู้มีชื่อเสียงท่านอื่นในวงการปฏิวัติอุตสาหกรรม เขาเป็นสมาชิกสำคัญของสมาคมสังคมจันทรา (Lunar Society) และเป็นที่ต้องการตัวมากขึ้นอีกหลังจากได้พูดคุยคบหา มีผู้สนใจการขยับขยายขอบข่ายงานของเขาเสมอ เขาเป็นนักธุรกิจที่ค่อนข้างขัดสน เพราะเขาเกลียดการซื้อขายเอาเปรียบและทำสัญญากลโกงกับผู้ที่แสวงหาเครื่องจักรไอน้ำไปใช้งานเป็นอย่างมาก ทำให้เขาเกษียณตัวเองในเวลาต่อมา บุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งเพื่อนฝูงและหุ้นส่วนชอบอัธยาศัยและคบหาได้นาน และมักวิตกแทนเรื่องปัญหาการเงินเสมอ


[แก้] ชีวิตบั้นปลาย

วัตต์เกษียณตัวเองเมื่อ พ.ศ. 2343 (1800) ปีเดียวกับที่สิทธิบัตรของเขาและทะเบียนห้างหุ้นส่วนที่ร่วมกับโบลตันหมดอายุ เขาโอนหุ้นของห้างหุ้นส่วนให้บุตร แล้วโบลตัน, เจมส์ วัตต์ จูเนียร์ กับ เมอร์ดอช ได้หาหุ้นส่วนเพิ่มและทำให้กิจการมั่นคง

เขาทำงานประดิษฐ์ติดพันต่ออีกหลังเกษียณ เช่น คิดค้นวิธีใหม่ในการวัดระยะทางด้วยกล้องโทรทรรศน์, ประดิษฐ์เครื่องคัดลอกจดหมาย, ปรับปรุงตะเกียงน้ำมันก๊าด, เครื่องจักรไอน้ำรีดผ้า (mangle) และเครื่องจักรแกะลอกงานแกะสลัก

เขาและภรรยาคนที่สองเดินทางท่องเที่ยวฝรั่งเศสและเยอรมนี แล้วซื้อบ้านและที่ดินในเวลส์ ซึ่งต้องบูรณะอย่างมาก

วัตต์ตายเมื่อ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2562 (1819) ที่บ้านของเขาในย่าน ฮีทฟิลด์ แถบ แฮนด์สวอร์ท (Handsworth) ของ เวสต์มิดแลนด์ส ใน สตัฟฟอร์ดไชร์ ขณะอายุ 83 ปี ภรรยาของเขาตายหลังจากนั้น 13 ปี


[แก้] บทวิจารณ์

วัตต์กับโบลตัน ต่อสู้แข่งขันกับวิศวกร เช่น โจนาทาน ฮอร์นโบลเวอร์ ผู้พยายามพัฒนาเครื่องจักรซึ่งไม่มีสิทธิบัตรให้วิจารณ์

แม้ว่าจะมีการประดิษฐ์เกิดขึ้นมากมายเพราะเขา แต่ก็มีผู้มีบางคนโต้แย้งว่า แท้แล้ววัตต์คิดค้นนวัตกรรมต้นฉบับเพียงอันเดียวจากสิทธิบัตรจำนวนมากที่เขาจด อย่างไรก็ตามไม่มีใครแย้งเรื่องที่นวัตกรรมเดียวนั้นเขาได้ประดิษฐ์จริง ก็คือ เครื่องสันดาปแยก (separate condenser) ซึ่งเป็นการฝึกหัดเพื่อเตรียมแนวความคิดที่สร้างชื่อแก่เขา เพราะเขาตั้งใจให้สิทธิบัตรเชื่อถือได้ในความปลอดภัย และทำให้แน่ใจได้ว่า ไม่มีใครได้ฝึกหัดและคิดค้นสิ่งประดิษฐ์นั้นได้อย่างเขา

ถ้อยคำในจดหมายที่ส่งให้โบลตันเมื่อ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2327 (1784) กล่าวว่า:

...กระผมได้อธิบายถึงเครื่องจักรส่งกำลังเฟือง อย่างที่กระผมสามารถทำได้ในเวลาและขอบเขตที่กระผมยอมให้ตัวเองได้ แต่มันบกพร่องมากและเอามาใช้ได้เพียงปิดบังคนอื่นจากสิทธิบัตรที่คล้ายกัน...

บ้างก็อภิปรายว่า เขากีดกันลูกจ้างของเขา วิลเลียม เมอร์ดอช จากการทำงานกับไอน้ำแรงดันสูงในการทดลอง รถจักรไอน้ำ (steam locomotive) ทำให้ถ่วงการพัฒนามัน

วัตต์จดสิทธิบัตรการประยุกต์ เฟืองทดโคจร (sun and planet gear) กับเครื่องจักรไอน้ำเมื่อ พ.ศ. 2324 (1781) และกับรถจักรไอน้ำเมื่อ พ.ศ. 2327 (1784) ทั้งสองชิ้นได้ถูกโต้แย้งอย่างหนักว่า แท้แล้วคิดค้นขึ้นโดยลูกจ้างของเขา วิลเลียม เมอร์ดอช ซึ่งวัตต์บอกไว้เองในจดหมายที่ส่งให้โบลตันเมื่อ 3 มกราคม พ.ศ. 2325 (1782) กล่าวถึงการทดสอบเฟืองทดโคจรว่า:

...กระผมได้ลองรื้อฟื้นต้นแบบหนึ่งในบรรดาแผนการเก่าเกี่ยวกับเครื่องจักรเหวี่ยงของกระผม และสำเร็จได้โดย ว. ม. ซึ่งข้อดีของมันรวมอยู่ในรายการวิธีที่ห้า... 

แต่วัตต์ไม่เคยจดสิทธิบัตรในชื่อเมอร์ดอช ลูกจ้างผู้ยังอยู่กับโบลตันแอนด์วัตต์เกือบทั้งชีวิตของเขา และโบลตันแอนด์วัตต์ก็ยืนยันจะใช้เฟืองทดโคจรต่อไปในเครื่องจักรเหวี่ยงของพวกเขา แม้ว่าสิทธิบัตรจะหมดอายุเมื่อ พ.ศ. 2337 (1794)


[แก้] สรุปผลงาน

วัตต์ปรับปรุงเครื่องจักรไอน้ำจากเครื่องจักรนิวโคเมน ซึ่งแทบไม่พัฒนามา 50 ปี ให้เป็นแหล่งพลังที่เปลี่ยนโลกแห่งงานอุตสาหกรรม และเป็นกุญแจนำมาซึ่งการปฏิวัติอุตสาหกรรม ถือเป็นมรดกแก่มนุษยชาติ

ความสำคัญนั้นอาจไม่เกินจริงที่ว่า มันมอบโลกยุคใหม่แก่พวกเรา กลไกสำคัญคือการนำเครื่องจักรพ้นจากงานถ่านหินที่ห่างไกลมาสู่งานอุตสาหกรรม ซึ่งมีกลศาสตร์ วิศวกร และช่างซ่อมจำนวนมาก ที่ได้รับโอกาสจากข้อดีและขีดความสามารถของมัน และเป็นเวทีให้กำเนิดนักประดิษฐ์ผู้พัฒนาปรับปรุง เครื่องจักรไอน้ำทำให้เกิดงานอุตสาหกรรมใหม่ๆ จากที่มีขึ้นอยู่กับพลังงานน้ำ(ที่ไม่สามารถทำงานได้ตลอดปีและต้องตั้งโรงงานใกล้แม่น้ำ) มาเป็นสามารถทำงานได้ทั้งปี และสามารถตั้งโรงงานได้เกือบทุกที่

เครื่องจักรไอน้ำได้เด่นชัดขึ้นเมื่อ ความดันสูงในหม้อน้ำที่ได้รับการปรับปรุง ทำให้สร้างเครื่องจักรได้ประสิทธิภาพสูงขึ้น และนำไปสู่การปฏิวัติการขนส่ง ในไม่ช้าก็ประกอบเป็นรูปเป็นร่างของ รถจักรไอน้ำ (locomotive) และ เรือกลไฟ (steamboat)

งานอุตสาหกรรมพ้นจากอุตสาหกรรมชนบท เป็นผลให้เศรษฐกิจเพิ่มมาตราส่วน เมืองหลวงสามารถทำงานได้ประสิทธิภาพมากขึ้น และกระบวนการผลิตก็ได้รับการพัฒนาขนานใหญ่ ทำให้เกิดการต่อยอดการคัดสรร เครื่องจักรกล(machine tools)ใหม่ๆ ที่ใช้ผลิตได้ดีกว่า รวมถึง เครื่องจักรไอน้ำของวัตต์ (Watt steam engine)


[แก้] เกียรติประวัติ

  • เป็นสมาชิกของ สมาคมผู้ดีแห่งเอดินเบิร์ก (Royal Society of Edinburgh) และ สมาคมผู้ดีแห่งลอนดอน (Royal Society of London)
  • เป็นสมาชิกของ สมาคมบัตตาเวียน (Batavian Society)
  • เป็นชาวต่างชาติหนึ่งในเพียงแปดคน ที่ได้เป็นสมาชิกของ บัณฑิตสถานวิทยาศาสตร์ฝรั่งเศส (French Academy of Sciences)
ภาพ:Jameswatt.JPG
รูปปั้นของ เจมส์ วัตต์ ที่ ม.เฮอรอต (Heriot-Watt University) เอดินเบิร์ก


  • ชื่อสกุล ได้ถูกตั้งเป็นชื่อหน่วย วัตต์ หน่วยเทียบกำลังการทำงานของเครื่องไฟฟ้า ในระบบหน่วยเอสไอ
  • ชื่อสกุล ได้ถูกตั้งเป็นชื่อถนน ทั้ง roads และ streets มากกว่า 50 สายในสหราชอาณาจักร
  • ได้ถูกตั้งเป็นชื่อของ 1 ใน 8 พลอยอนุสรณ์ มูนสโตนแห่งสมาคมจันทรา (Lunar Society Moonstones) บนผิวถนนเควสเลตต์ [[:en:Queslett Road

|]] ในเบอร์มิงแฮม

  • สถานที่และถนนหลายแห่งในกรีนนอคตั้งชื่อตามชื่อของเขา


  • โบสถ์เซนต์แมรี (St. Mary's Church) ในเบอร์มิงแฮม ที่ฝังศพเขา ได้ขยายโบสต์เพื่อครอบหลุมศพของเขาไว้ภายใน
  • ในเบอร์มิงแฮม มีรูปประติมากรรมของเขาที่ตั้งโดดๆ 3 แห่ง แห่งแรกเป็นรูปประติมากรรมสามสหาย (โบลตัน วัตต์ และเมอร์ดอช) แห่งที่สองอยู่ใน จตุรัสแชมเบอร์เลน (chamberlain) ใกล้หอสมุดกลางเบอร์มิงแฮม และอีกแห่งอยู่ภายนอก ศาล
  • เอกสารต้นฉบับของเขาจำนวนมากได้รับการเก็บรักษาใน หอสมุดกลางเบอร์มิงแฮม (Birmingham Central Library)
  • บ้านโซโฮ (Soho House) บ้านของมัทธิว โบลตัน ซึ่งขณะนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ระลึกผลงานของทั้งสอง
  • ในกรีนนอค มีรูปประติมากรรมใกล้สถานที่เกิดของเขา


รูปหล่อ เจมส์ วัตต์ หน้าอาคารวิทยาลัยเจมส์วัตต์ (James Watt College)
รูปหล่อ เจมส์ วัตต์ หน้าอาคารวิทยาลัยเจมส์วัตต์ (James Watt College)
  • หอสมุดวัตต์เมมโมเรียล ในกรีนนอค เริ่มจากการบริจาคหนังสือทางวิทยาศาสตร์ของวัตต์ เมื่อ พ.ศ. 2359 (1816)

การปกครองส่วนท้องถิ่นได้ควบกิจการเมื่อ พ.ศ. 2517 (1974) เป็นส่วนหนึ่งของ สถาบันวัตต์ ซึ่งก่อตั้งโดยลูกชายของเขา (ซึ่งต่อมาพัฒนาเป็น วิทยาลัยเจมส์วัตต์ James Watt College) หอสมุดยังเก็บของสะสมประวัติศาสตร์ท้องถิ่นบ้านและเอกสารสำคัญของ อินเวอร์ไคลด์ (Inverclyde) และมีรูปประติมากรรมนั่งขนาดใหญ่พร้อมกล่องรับบริจาคในโถงทางเข้า

  • วิทยาลัยเจมส์วัตต์ (James Watt College) ในกรีนนอค ซึ่งก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่เขาและเป็นสัญลักษณ์สถานที่เกิดของเขา โดยมีอนุสาวรีย์รูปประติมากรรมของเขาที่หน้าอาคาร

วิทยาลัยวัตต์ได้ขยายบริเวณจากเดิม ทั้งลานมหาวิทยาลัย ในกิลวินนิง Kilwinning (นอรธ เอียร์ไชร์), ถนนฟินนาร์ทกับทำนบกั้นน้ำ ในกรีนนอค, และลานกีฬา ในลาร์กส์ (Largs)

  • มหาวิทยาลัยเฮอเรียต-วัตต์ (Heriot-Watt University) ใกล้เอดินเบิร์ก เดิมใช้ชื่อ สถาบันวัตต์และโรงเรียนศิลปะ แล้วรวมเข้ากับ โรงเรียนจอร์จ เฮอเรียต ในโรงพยาบาลจอร์จ เฮอร์เรียต โรงพยาบาลเด็กกำพร้ายากไร้ (George Heriot's Hospital for needy orphans) และเปลี่ยนชื่อเป็นวิทยาลัยเฮอเรียต-วัตต์ ต่อมาพัฒนาเป็นมหาวิทยาลัย
  • มีอาคารวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยอีก 12 แห่ง (ที่ตั้งของภาควิชาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) ได้ถูกตั้งชื่อตามชื่อของเขา
  • ภาพวาดขนาดใหญ่ชื่อ เจมส์ วัตต์ พินิจเครื่องจักรไอน้ำ (James Watt contemplating the steam engine) โดย เจมส์ เอคฟอร์ด ลาวเดอร์ (James Eckford Lauder) ปัจจุบันเป็นของ หอศิลป์แห่งชาติสก๊อตแลนด์ (National Gallery of Scotland)


  • วัตต์ได้อันดับที่ 1 เสมอกับ โทมัส เอดิสัน จากรายชื่อ 229 บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์เทคโนโลยี ในหนังสือ ความสำเร็จของมนุษย์ (human accomplishments) โดย ชาร์ลส เมอร์เรย์ (Charles Murray)
  • และได้อันดับที่ 22 จากรายชื่อในหนังสือ 100 รายชื่อบุคคลผู้มีอิทธิพลทางความคิดที่สุดในประวัติศาสตร์ โดย ไมเคิล ฮ. ฮาร์ท (Michael H. Hart's The 100, list of the most influential figures in history)

(อย่างไรก็ตาม เขาไม่ติดอันดับ TIME 100 - บุคคลแห่งศตวรรษ หมวด 20 นักวิทยาศาสตร์และนักคิด ของ นิตยสารไทม์ และไม่ติดอันดับ Top 100 บุคคลผู้สร้างสรรค์สหัสวรรษ ของ นิตยสารไลฟ์)


  • ข้อความที่จารึกบน อนุสาวรีย์ขนาดยักษ์ของเขา ในอาราม เวสต์มินสเตอร์ (สร้างโดย ชองเทรอย์) กล่าวว่า :
มิใช่เพื่อเก็บชื่อไว้นานกาล ซึ่งยืนยาวเพียงชั่วสันติภาพศิลปวิทยายังโบกสะบัด
แต่เพื่อแสดง ว่ามนุษยชาติได้รับรู้ เพื่อจะยกเกียรติยศแด่
ผู้ซึ่งสมควรได้รับการยกสำนึกคุณอย่างสูงสุด,
กษัตริย์, รัฐมนตรี, เหล่าข้าขุนนางในพระองค์
แลปวงชนทั่วหล้า ขอยกอนุสาวรีย์นี้ขึ้นแด่
เจมส์ วัตต์
ผู้ซึ่งชี้นำแรงแห่งอัจฉริยะหามีใครเหมือน ฝึกฝนมาแต่วัยหนุ่ม ค้นคว้าศิลปะวิทยากร เพื่อพัฒนาปรับปรุง เครื่องจักรไอน้ำ ขยายทรัพยากรแห่งประเทศของเขา เพิ่มพูนขุมกำลังแห่งผู้คน แลอุทัยสู่สรวงอันสูงส่ง ท่ามกลางบรรดาผู้เจริญตามสุดเรืองนามแห่งวิทยาศาสตร์ และผู้ทำคุณประโยชน์แท้แห่งโลก ชาตะ กรีนนอค 1736 มรณะ ฮีธฟิล์ด, สตัฟฟอร์ดไชร์ 1819


[แก้] อ้างอิง

  • Dickenson, H. W., "James Watt:Craftsman and Engineer" Cambridge University Press (1935).
  • J. P. Muirhead, Origin and Progress of the Mechanical Inventions of James Watt (London, 1854)
  • J. P. Muirhead, Life of Watt (London, 1858)
  • Samuel Smiles, Lives of the Engineers, (London, 1861-62, new edition, five volumes, 1905)
  • "Some Unpublished Letters of James Watt" in Journal of Institution of Mechanical Engineers (London, 1915)
  • Carnegie, Andrew, James Watt University Press of the Pacific (2001) (Reprinted from the 1913 ed.), ISBN 0-89875-578-6.
  • Hills, Rev. Dr. Richard L. James Watt, Vol 1, His time in Scotland, 1736-1774 (2002) Landmark Publishing Ltd, ISBN 1-84306-045-0.
  • Marsden, Ben. "Watt's Perfect Engine" (2002) Columbia University Press (New York, 1893)
  1. Carnegie, ch.1
  2. สุมน อมรวิวัฒน์ และคณะ. คนดีที่ควรรู้จัก เล่ม3. ไทยวัฒนาพานิช. พิมพ์ครั้งที่3, 2539

[แก้] ดูเพิ่ม

Commons
คอมมอนส์ มีรูปภาพและสื่อในรูปแบบอื่นๆ เกี่ยวกับ:

[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น


 เจมส์ วัตต์ เป็นบทความเกี่ยวกับ ชีวประวัติ ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น
ข้อมูลเกี่ยวกับ เจมส์ วัตต์ ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ
Static Wikipedia 2008 (no images)

aa - ab - af - ak - als - am - an - ang - ar - arc - as - ast - av - ay - az - ba - bar - bat_smg - bcl - be - be_x_old - bg - bh - bi - bm - bn - bo - bpy - br - bs - bug - bxr - ca - cbk_zam - cdo - ce - ceb - ch - cho - chr - chy - co - cr - crh - cs - csb - cu - cv - cy - da - de - diq - dsb - dv - dz - ee - el - eml - en - eo - es - et - eu - ext - fa - ff - fi - fiu_vro - fj - fo - fr - frp - fur - fy - ga - gan - gd - gl - glk - gn - got - gu - gv - ha - hak - haw - he - hi - hif - ho - hr - hsb - ht - hu - hy - hz - ia - id - ie - ig - ii - ik - ilo - io - is - it - iu - ja - jbo - jv - ka - kaa - kab - kg - ki - kj - kk - kl - km - kn - ko - kr - ks - ksh - ku - kv - kw - ky - la - lad - lb - lbe - lg - li - lij - lmo - ln - lo - lt - lv - map_bms - mdf - mg - mh - mi - mk - ml - mn - mo - mr - mt - mus - my - myv - mzn - na - nah - nap - nds - nds_nl - ne - new - ng - nl - nn - no - nov - nrm - nv - ny - oc - om - or - os - pa - pag - pam - pap - pdc - pi - pih - pl - pms - ps - pt - qu - quality - rm - rmy - rn - ro - roa_rup - roa_tara - ru - rw - sa - sah - sc - scn - sco - sd - se - sg - sh - si - simple - sk - sl - sm - sn - so - sr - srn - ss - st - stq - su - sv - sw - szl - ta - te - tet - tg - th - ti - tk - tl - tlh - tn - to - tpi - tr - ts - tt - tum - tw - ty - udm - ug - uk - ur - uz - ve - vec - vi - vls - vo - wa - war - wo - wuu - xal - xh - yi - yo - za - zea - zh - zh_classical - zh_min_nan - zh_yue - zu -

Static Wikipedia 2007 (no images)

aa - ab - af - ak - als - am - an - ang - ar - arc - as - ast - av - ay - az - ba - bar - bat_smg - bcl - be - be_x_old - bg - bh - bi - bm - bn - bo - bpy - br - bs - bug - bxr - ca - cbk_zam - cdo - ce - ceb - ch - cho - chr - chy - co - cr - crh - cs - csb - cu - cv - cy - da - de - diq - dsb - dv - dz - ee - el - eml - en - eo - es - et - eu - ext - fa - ff - fi - fiu_vro - fj - fo - fr - frp - fur - fy - ga - gan - gd - gl - glk - gn - got - gu - gv - ha - hak - haw - he - hi - hif - ho - hr - hsb - ht - hu - hy - hz - ia - id - ie - ig - ii - ik - ilo - io - is - it - iu - ja - jbo - jv - ka - kaa - kab - kg - ki - kj - kk - kl - km - kn - ko - kr - ks - ksh - ku - kv - kw - ky - la - lad - lb - lbe - lg - li - lij - lmo - ln - lo - lt - lv - map_bms - mdf - mg - mh - mi - mk - ml - mn - mo - mr - mt - mus - my - myv - mzn - na - nah - nap - nds - nds_nl - ne - new - ng - nl - nn - no - nov - nrm - nv - ny - oc - om - or - os - pa - pag - pam - pap - pdc - pi - pih - pl - pms - ps - pt - qu - quality - rm - rmy - rn - ro - roa_rup - roa_tara - ru - rw - sa - sah - sc - scn - sco - sd - se - sg - sh - si - simple - sk - sl - sm - sn - so - sr - srn - ss - st - stq - su - sv - sw - szl - ta - te - tet - tg - th - ti - tk - tl - tlh - tn - to - tpi - tr - ts - tt - tum - tw - ty - udm - ug - uk - ur - uz - ve - vec - vi - vls - vo - wa - war - wo - wuu - xal - xh - yi - yo - za - zea - zh - zh_classical - zh_min_nan - zh_yue - zu -

Static Wikipedia 2006 (no images)

aa - ab - af - ak - als - am - an - ang - ar - arc - as - ast - av - ay - az - ba - bar - bat_smg - bcl - be - be_x_old - bg - bh - bi - bm - bn - bo - bpy - br - bs - bug - bxr - ca - cbk_zam - cdo - ce - ceb - ch - cho - chr - chy - co - cr - crh - cs - csb - cu - cv - cy - da - de - diq - dsb - dv - dz - ee - el - eml - eo - es - et - eu - ext - fa - ff - fi - fiu_vro - fj - fo - fr - frp - fur - fy - ga - gan - gd - gl - glk - gn - got - gu - gv - ha - hak - haw - he - hi - hif - ho - hr - hsb - ht - hu - hy - hz - ia - id - ie - ig - ii - ik - ilo - io - is - it - iu - ja - jbo - jv - ka - kaa - kab - kg - ki - kj - kk - kl - km - kn - ko - kr - ks - ksh - ku - kv - kw - ky - la - lad - lb - lbe - lg - li - lij - lmo - ln - lo - lt - lv - map_bms - mdf - mg - mh - mi - mk - ml - mn - mo - mr - mt - mus - my - myv - mzn - na - nah - nap - nds - nds_nl - ne - new - ng - nl - nn - no - nov - nrm - nv - ny - oc - om - or - os - pa - pag - pam - pap - pdc - pi - pih - pl - pms - ps - pt - qu - quality - rm - rmy - rn - ro - roa_rup - roa_tara - ru - rw - sa - sah - sc - scn - sco - sd - se - sg - sh - si - simple - sk - sl - sm - sn - so - sr - srn - ss - st - stq - su - sv - sw - szl - ta - te - tet - tg - th - ti - tk - tl - tlh - tn - to - tpi - tr - ts - tt - tum - tw - ty - udm - ug - uk - ur - uz - ve - vec - vi - vls - vo - wa - war - wo - wuu - xal - xh - yi - yo - za - zea - zh - zh_classical - zh_min_nan - zh_yue - zu