กันดั้ม 0080
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
กันดั้ม 0080 (ญี่ปุ่น:機動戦士ガンダム0080 ポケットの中の戦争, คิโดเซนชิ กันดั้ม0080 โพเก็ตโตะ โนะ นากะ โนะ เซ็นโซ ;อังกฤษ:Mobile Suit Gundam0080 War in the Pocket) เป็น การ์ตูนญี่ปุ่น 1 ในซีรี่ส์ กันดั้ม ออกแบบตัวละครโดย ฮารุฮิโกะ มิกิโมโตะ ออกแบบโมบิลสูทโดย คุนิโอะ โอคาวาระ และ กำกับโดย ฟูมิฮิโกะ ทากายามะ นับเป็นผลงานในซีรี่ส์กันดั้มเรื่องแรกที่ โยชิยูกิ โทมิโนะ ไม่ได้เป็นผู้กำกับ และถูกสร้างออกมาในรูปแบบของ โอวีเอ ซึ่งออกวางจำหน่ายในปี ค.ศ. 1989 มีความยาวทั้งสิ้น 6 ตอนจบ
สารบัญ |
[แก้] เนื้อเรื่อง
ในเดือนธันวาคมUC 0079 ช่วงปลายสงคราม 1 ปี สาธารณรัฐ Reah ของ Side 6 ที่ยังคงเป็นกลาง เริ่มต้นการเจรจาสนธิสัญญาความปลอดภัยลับๆ กับฝ่ายพันธมิตร และยอมให้ กองกำลังพันธมิตร ตั้งค่ายลับ อยู่บนโคโลนี่ ในระหว่างนั้น ที่ฐานลับของพันธมิตร บริเวณขั้วโลกเหนือ กำลังพัฒนาโมบิลสูทรุ่นใหม่ "กันดั้ม NT-1" ที่ขั้วโลกเหนือ
ทีม Cyclops กองกำลังพิเศษระดับสูงของซีออน ถูกส่งไปที่โลกเพื่อทำลายอาวุธลับที่พัฒนาอยู่ ณ ฐานทัพพันธมิตรบริเวณขั้วโลกเหนือ เรือเอกสไตเนอร์และลูกน้อง ได้เปิดฉากการโจมตีแบบสายฟ้าแลบทั้งทางบกและในน้ำ และยังทำลายระบบป้องกันภัยของฐานทั้งหมด แต่เป็นโชคดีของฝ่ายพันธมิตรที่สามารถส่ง กันดั้ม ขึ้นไปสู่ห้วงอวกาศได้ทันก่อนที่ะถูกหน่วย Cyclops ทำลาย ภารกิจของสไตเนอร์ล้มเหลว และเขาสูญเสียเสียแอนดี้ 1 ในลูกน้องฝีมือดีไปขณะที่แอนดี้กำลังจะทำลายกระสวยที่บรรทุกกันดั้มนั้นเอง
ที่ Side 6 Libot อัล หรือ อัลเฟรด อิซุรุฮะ หนุ่มน้อยวัย 11 ปี และเพื่อนของเขา ใช้เวลาว่างแทบทั้งหมดเพื่อที่จะเก็บสะสมทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับทางทหารและโมบิลสูท
อัลพนันกับเพื่อน ว่ามีโมบิลสูทของฝ่ายพันธมิตร อยู่บนโคโลนี่ และ สัญญาว่าถ่ายถ่ายภาพมาให้ดู พ่อของอัลทำงานอยู่ในบริษัทขนส่ง อัลจึงเข้าออก สถานีขนส่งของ ไซด์6 ได้อย่างง่ายดาย หลังจากกลับบ้าน อัลได้พบกับ คริส หรือ คริสติน่า แมคเคนซี่ นักบินหญิงของพันธมิตร เพื่อนบ้านของอัลที่ ไม่ได้เจอกันราว 3 ปี วันต่อมา เกิดการโจมตีที่ไซด์ 6 โดยฝ่ายซีออนได้เป็นผู้เปิดการโจมตี ระหว่างนั้น อัลได้พบกับ แซ๊คเครื่องหนึ่งที่เสียหายและพยายามลงจอด เขาจึงวิ่งตามแซ๊คเครื่องนั้นไป และพบกับ บาร์นี่ หรือ เบอร์นาร์ด ไวส์แมน นักบินฝึกหัดของ ซีออน หลังจากที่อัลเห็นเครื่องหมายยศของบาร์นี่ ด้วยความที่เขาเป็นเด็กที่ชื่นชอบทหารอยู่แล้ว จึงขอแลก เครื่องหมายยศของบาร์นี่กับ กล้องถ่ายรูปของเขานั่นเอง
ที่ดวงจันทร์ กองกำลังซีออนกลับมายังฐาน Granada ที่นี่ ทีม Cyclops ได้ดู วิดีโอ ที่บาร์นี่ได้จากอัล และพบว่า โมบิลสูทที่พวกเขาไล่ล่าที่ขั้วโลกเหนือนนั้น เป็นเครื่องเดียวกับที่ Side 6
นาวาเอก คิลลิ่ง จอมเจ้าเล่ห์ ส่งทีม Cyclops ไปยัง Side 6 เพื่อแทรกซึมและค้นหาโมบิลสูทเครื่องนั้น ซึ่งพวกเขาสงสัยว่าน่าจะเป็น กันดั้มที่ออกแบบสำหรับให้ใช้โดยนักบิน newtype สไตเนอร์ต้องการให้ คิลลิ่งหานักบินฝีมือดีมาแทน แอนดี้ ที่ตายไปในภารกิจที่ขั้วโลกเหนือ แต่คิลลิ่งกลับบรรจุ บาร์นี่ ให้กับทีม Cyclops แทน สไตเนอร์อธิบายแผนให้บาร์นี่ฟังพร้อมทั้งแนะนำให้เขารู้จักกับ มิคาเฮล คามินสกี้ หรือ มีชา และกาเบรียล รามิเรซ การ์เซีย เพื่อนร่วมทีม ของเขา
ขณะที่ ทัพซีออน กำลังโจมตี ไซด์ 6 อยู่นั้น บาร์นี่ได้นำยานขนส่งที่ซ่อน Kaempfer โมบิลสูท รุ่นใหม่ของซีออน ที่ยังไม่ได้ประกอบ เข้าเทียบท่า spaceport ของไซด์ 6 ระหว่างที่ทีม Cyclops กำลังนำรถบรรทุกไปยังฐานลับของพวกเขา อัลเห็นบาร์นี่ จึงแอบขึ้นรถบรรทุกของการ์เซีย แต่ก็ถูกจับได้ บาร์นี่กลัวว่าอัลจะถูกทีม Cyclops ปิดปาก จึงโกหก สไตเนอร์ว่า อัลเป็นน้องชายของเขา
ที่บ้านของอัล คริส เห็นบาร์นี่ ที่หน่วย Cyclops ส่งมาดูแลพฤติกรรมไม่ให้อัลปากโป้งไปบอกคนอื่นเกี่ยวกับแผนการ ของพวกเขา แล้วนึกว่าบาร์นี่ เป็นขโมย บาร์นี่เลยโดนไม้เบสบอลสอยไปเต็มๆ แต่อัล อธิบายให้คริสฟังว่า บาร์นี่เป็นพี่ชายต่างพ่อของเขา คริสสำนึกผิดเลย ชวนทั้งคู่ไปทานน้ำชาในบ้านกับครอบครัวของเธอ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่คริสและบาร์นี่ได้รู้จักกัน
วันรุ่งขึ้นทีม Cyclops คิดจะกำจัดบาร์นี่และอัล โดยส่งพวกเขาไปสืบเรื่องกันดั้มในที่ซ่อนของฝ่ายพันธมิตร ในขณะที่ สไตเนอร์นั้น รับข่าวสารที่ให้บาร์นี่ไปสืบ จากสายลับของซีออน แต่แล้ว สเทนเนอร์ก็ต้องแปลกใจที่ไม่ได้เป็นไปตามคาด บาร์นี่กับอัลทำภารกิจสำเร็จ และยังนำรูปถ่ายของกันดั้มกลับมาให้เขาอีกด้วย หลังจากจบภารกิจ บาร์นี่พาอัลไปส่งที่บ้าน แล้วบังเอิญเจอคริส และก่อนที่บาร์นี่จะกลับกล่าวทั้งคู่ จึงกล่าวราตรีสวัสดิ์ ต่อกัน
วัน ดีเดย์ของภารกิจ ทีม Cyclops เตรียมการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งๆที่ สไตเนอร์ รู้ว่าคิลลิ่งเพียงแค่ส่งพวกเขาไปตายเพื่อให้ยืนยันการมีอยู่ของกันดั้มเท่านั้น แต่สไตเนอร์ก็ยังสานต่อภารกิจโดยไม่หยุด ขณะที่ มีชา ขับ Kaempfer ที่ประกอบเสร็จสิ้น ออกไปต่อสู้กับ กองกำลังป้องกัน โคโลนี่นั้น พวกสไตเนอร์ก็แทรกซึมเข้าไปในฐานของพันธมิตร อัล แอบตามพวกเขาเข้าไปในฐาน แต่สิ่งที่อัลพบ นั่นก็คือการต่อสู้ ที่นองเลือด สไตเนอร์ ถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วน การ์เซีย พลีชีพด้วยการจะระเบิดตัวเองเพื่อทำลายกันดั้มแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ และ มีชาถูกสังหารโดยกันดั้มขณะที่เขากำลังต่อสู้อยู่ ภารกิจของ ทีม Cyclops ล้มเหลว ในที่สุด สไตเนอร์ก็เสียชีวิตในมือของ บาร์นี่
หลังจากที่ทีม Cyclops ล้มเหลว คิลลิ่งตัดสินใจแก้ปัญหาโดยการใช้ หัวรบนิวเคลียร์ ทำลายไซด์ 6 ซะ หลังจากที่บาร์นี่รู้ว่า ไซด์ 6 จะถูกทำลาย เขาตัดสินใจที่จะทิ้งภารกิจและบอกอัลให้หนีไปซะ แต่อัลพยายามเตือนสติบาร์นี่ และ พยายามบอกตำรวจเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ตำรวจไม่เชื่อ แต่แล้ว บาร์นี่ก็เปลี่ยนใจที่จะกลับไปทำลายกันดั้มซะ เพื่อปกป้อง ไซด์6 อัลและบาร์นี่ช่วยกันซ่อมแซ๊คของเขาจนเสร็จ และช่วยกันวางแผนการรบ
เย็นวันคริสมาสต์ อีฟ บาร์นี่ ได้ให้ เทปบันทึกม้วนหนึ่งแก่อัล และ กล่าว Merry Christmas แก่อัล และยังฝากถึง คริสและครอบครัวของคริสด้วย หลังจากนั้นบาร์นี่ก็ใช้เวลาเตรียมตัวสำหรับศึกวันพรุ่งนี้
วันคริสมาสต์ อัลกับครอบครัว อยู่ที่ spaceport เพื่อเตรียมจะออกจากโคโลนี่ แต่แล้ว เที่ยวบินก็ยกเลิก เพราะว่า กองเรือของซีออน ถูก กองกำลังฝ่ายพันธมิตร โจมตีจนยอมจำนนแล้ว พออัลได้ยินดังนั้น ก็รีบไปบอกบาร์นี่เพื่อที่จะได้ไม่ต้องสู้กับกันดั้ม ขณะที่ บาร์นี่ได้ขึ้นไปบังคับ แซ๊คของเขา เพื่อที่จะล่อกันดั้มไปเขตป่านอกเมือง แต่แล้ว อัลก็มาช้าไป ทั้งกันดั้มและแซ๊ค ต่างก็ทำลายซึ่งกันและกัน ภาพที่ปรากฏต่อหน้าอัลคือ กันดั้มที่ไร้หัว แทงบีมเซเบอร์เข้าไปในค๊อกพิทของแซ๊ค บาร์นี่เสียชีวิต ในหน้าที่ หน่วยแพทย์ของพันธมิตรพบว่าอัลกำลังช๊อค จึงพาตัวอัลไปยังแคมป์พยาบาล ทีมแพทย์ นำตัวนักบินของกันดั้มที่บาดเจ็บจนหมดสติ ลงมา และแล้วสิ่งที่ทำให้อัลไม่อยากเชื่อก็แล่นผ่านสายตาของเขา นักบินคนนั้น คือคริส นั่นเอง
2-3สัปดาห์ต่อมา สงครามสิ้นสุดลงแล้ว อัลเปิดดูเทปที่ บาร์นี่ให้เขามา ในเทปนั้น บาร์นี่กล่าวไว้ว่า ถ้าหากอัลได้ดูเทปม้วนนี้ เขาคงตายไปแล้ว เขาไม่อยากให้อัลโทษ นักบินของกันดั้ม หรือฝ่ายพันธมิตร เพราะพวกเขาล้วนแต่ทำสิ่งที่คิดว่าถูกต้องที่สุด และถ้าสงครามสิ้นสุดแล้วเขารอด เขาสัญญาว่า จะกลับมาเยี่ยมอัลที่ไซด์6แน่นอน
ในระหว่างที่อัลไปโรงเรียน อัลเจอกับคริสในสภาพใส่เฝือกที่แขนอยู่ เธอบอกอัลว่า เธอต้องกลับไปที่โลกแล้ว และฝากลา บาร์นี่ด้วย พออัลถึงโรงเรียนของเขาที่เสียหายจากการต่อสู้ระหว่างกันดั้มและ Kaemfer ครูใหญ่กล่าวถึงผู้ที่สูญเสียในสงครามว่า พวกเขาทุกคนเป็นผู้ที่ต่อสู้เพื่อเสรีภาพ น้ำตาของอัลเริ่มร่วงโรย เพราะว่าเขาเป็นผู้ที่รู้ซึ้งถึงความโหดร้ายของสงครามโดยแท้จริง
[แก้] รายชื่อผู้ให้เสียงตัวละครหลัก
- อัลเฟรด อิซุรุฮะ (อัล) : ไดสุเกะ นามิคาวะ
- คริสติน่า แมคเคนซี่ (คริส) : เมงุมิ ฮายาชิบาระ
- เบอร์นาร์ด ไวส์แมน (บาร์นี่) : โคจิ สึจิทานิ
- สไตเนอร์ ฮาร์ดี้ : โยสุเกะ อากิโมโตะ
- กาเบรียล รามิเรซ การ์เซีย : บิน ชิมาดะ
- มิคาเฮล คามินสกี้ (มีชา) : ยูทากะ ชิมากะ
(ในขณะนั้น ไดสุเกะ นามิคาวะ นักพากย์ผู้ให้เสียง อัล มีอายุเพียงแค่ 12 ปี นับเป็นผู้ให้เสียงตัวเอกเรื่องกันดั้มที่มีอายุน้อยที่สุด)
[แก้] เพลงประกอบ
- เพลง Opening "Itsuka Sora ni Todoite" (いつか空に届いて)
- เนื้อร้อง, ทำนอง: เมงุมิ ชิอินะ / เรียบเรียง: โอซามุ โทซึกะ / ขับร้อง: เมงุมิ ชิอินะ
- เพลง Ending "Tooi no Kioku" (遠い記憶)
- เนื้อร้อง, ทำนอง: เมงุมิ ชิอินะ / เรียบเรียง: โอซามุ โทซึกะ / ขับร้อง: เมงุมิ ชิอินะ