แฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
แฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนีคือหนังสือเล่มที่สี่ในหนังสือชุดแฮร์รี่ พอตเตอร์ โดย เจ.เค. โรว์ลิ่ง และแปลโดยงามพรรณ เวชชาชีวะในสังกัดของสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์ ตีพิมพ์และวางจำหน่ายเป็นฉบับภาษาอังกฤษครั้งแรกในปี พ.ศ. 2543 และเป็นฉบับภาษาไทยในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2544 วรรณกรรมชุดนี้ถือว่ายาวมากอย่างไม่น่าจะมีใครทำมาก่อน โดยในฉบับภาษาไทยนั้นมันมีความยาวทั้งหมดถึง 832 หน้า (ฉบับบลูมส์บูรี่มีความยาวทั้งหมด 636 หน้า) หนังสือเล่มนี้สร้างสถิติโดยเป็นหนังสือเล่มแรกได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนมากกว่าชิ้นงานวรรณกรรมเยาวชนอื่นๆ โดยมีเพียง หนังสือในชุดถัดจากมันมาเท่านั้นที่สามารถลบล้างสถิตินี้ได้ นั่นคือแฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์และแฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม โดยเฉพาะจากการที่ เจ. เค. โรว์ลิ่งออกมาเตือนผู้อ่านก่อนหนังสือจะถูกตีพิมพ์ว่าจะมีตัวละครเสียชีวิตในเล่มนี้ ซึ่งสร้างกระแสของการคาดการณ์ว่าตัวละครใดจะเสียชีวิตในหนังสือเล่มนี้ และสร้างปรากฏการณ์ 'คลั่งแฮร์รี่ พอตเตอร์' ทั่วโลก
วรรณกรรมชิ้นนี้ยังได้รับรางวัล Hugo Award ใน พ.ศ. 2544 อีกด้วย
สารบัญ |
[แก้] โครงเรื่องโดยรวม
[แก้] หน้าร้อนของแฮร์รี่และควิดดิชเวิล์ดคัพ
เนื้อเรื่องตอนนี้เริ่มต้นโดยความฝันของแฮร์รี่ พอตเตอร์ โดยพบว่าลอร์ดโวลเดอมอร์ได้พบกับลูกสมุนของเขาซึ่งหนีจากเงื้อมมือของแฮร์รี่ (รวมถึงซิเรียสและลูปิน) ไปได้ในเล่มที่แล้วคือ "หางหนอน" หรือปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ ได้รับสั่งจากโวลเดอมอร์ให้ลักพาตัวแฮร์รี่มา และกลับคืนสู่อำนาจอีกครั้ง โดยแฮร์รี่ฝันเห็นลอร์ดโวลเดอร์มอร์ได้ทำการฆาตกรรมชายแก่มักเกิ้ลผู้โชคร้ายบังเอิญไปแอบฟังแผนการนี้เข้า แฮร์รี่สะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับความปวดแสบปวดร้อนบนแผลเป็นรูปสายฟ้ากลางหน้าผากของเขา แฮร์รี่กังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เขาฝันไปและการเจ็บของแผลเป็นอีกครั้งแต่ก็ไม่อยากที่จะส่งข่าวไปบอกซิเรียส แบล็ก พ่อทูนหัวของเขาที่กำลังซ่อนตัวอยู่เพราะกลัวว่าซิเรียสจะเป็นห่วงแฮร์รี่จนเสี่ยงกลับมาหาเขา
ปิดเทอมฤดูร้อนนี้ครอบครัววีสลีย์มารับแฮร์รี่จากบ้านของญาติของเขาในซอยพรีเว็ตไปเพื่อไปชมการแข่งขันควิดดิชเวิล์ดคัพ ซึ่งอังกฤษเป็นเจ้าภาพในปีนั้น ในการแข่งขันชิงแชมป์ระหว่างไอร์แลนด์และบัลแกเรีย ซึ่งเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเร้าใจโดยเฉพาะที่ผู้เล่นซีกเกอร์ของบัลแกเรีย วิกเตอร์ ครัม หลังการแข่งขันจบลงได้เกิดเหตุร้ายขึ้น มีกลุ่มอดีตผู้เสพความตายออกมาอาละวาดและโจมตีเจ้าของที่ดินที่เป็นมักเกิ้ลแต่หนีไปในเวลาต่อมา เนื่องจากมีคนเสกตรามาร (สัญลักษณ์ของโวลเดอมอร์) พลอยทำให้ผู้ที่แตกตื่นอยู่แล้วยิ่งตื่นตระหนกยิ่งขึ้น เจ้าหน้าที่กระทรวงเวทมนตร์พบว่าผู้ถือไม้กายสิทธิ์คือวิงกี้ เอลฟ์ประจำบ้านของบาร์ตี้ เคร้าช์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนหนึ่งซึ่งถูกจับพร้อมกับถือไม้กายสิทธิ์ของแฮร์รี่ ซึ่งแฮร์รี่บอกว่าหล่นหายระหว่างที่ชมการแข่งขัน ทำให้บาร์ตี้ เคร้าช์โกรธมากถึงกับไล่เอลฟ์ประจำบ้านของตนออก และทำให้เฮอร์ไมโอนี่เริ่มโครงการรณรงค์เพื่อสิทธิเอลฟ์
[แก้] การเปิดปีการศึกษาใหม่ของฮอกวอตส์และการประลองเวทไตรภาคี
แฮร์รี่กลับมาเรียนชั้นปีที่สี่ที่ฮอกวอตส์ในปีการศึกษาใหม่ และพบว่าอาจารย์สอนวิชาการต่อสู้กับศาสตร์มืดคนใหม่คืออลาสเตอร์ 'แม้ด-อาย' มู้ดดี้ ชายแก่อดีตมือปราบมารซึ่งมีนิสัยบ้าบิ่นแปลกๆ และมีตาวิเศษที่สามารถมองทะลุได้ รวมถึงการที่เขาไม่ค่อยถูกกับสเนปเท่าไรนัก และดูจะเอ็นดูแฮร์รี่เป็นพิเศษจากการที่เขาช่วยแฮร์รี่ไว้หลายครั้งจากสเนปและพวกของมัลฟอย มู้ดดี้สอนให้นักเรียนให้รู้จักกับคำสาปโทษผิดสถานเดียวได้แก่คำสาปกรีดแทง คำสาปสะกดใจและคำสาปพิฆาตซึ่งผู้ใช้คำสาปเหล่านี้กับคนอื่นมีโทษสถานเดียวคือถูกจองจำที่คุกอัซคาบันตลอดชีวิต มู้ดดี้เป็นที่ชื่นชอบของนักเรียนมากจากวิธีการสอนที่ท้าทายของเขา
ในปีนี้ไม่มีการแข่งขันควิดดิชระหว่างบ้านแต่ได้มีการจัดการแข่งขันประลองเวทย์ไตรภาคีขึ้นมาอีกครั้งหลังจากถูกระงับไปเป็นเวลานานเนื่องจากยอดการเสียชีวิตจากการแข่งขันสูงมาก โดยเป็นการแข่งขันระหว่างโรงเรียนเวทมนตร์คาถาที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปสามโรงเรียนได้แก่ฮอกวอตส์, โบซ์บาตงและเดิร์มสแตรงก์ โดยผู้ที่จะเข้าแข่งขันจะต้องหย่อนชื่อของตนเองลงไปในถ้วยอัคนี ซึ่งจะดีดชื่อของตัวแทนโรงเรียนที่ได้รับการคัดเลือก ตัวแทนของโบซ์บาตงคือ เฟลอร์ เดอลากูร์ สาวสวยเลือดผสมวีล่า ตัวแทนของเดิร์มสแตรงคือวิกเตอร์ ครัม ซีกเกอร์ทีมชาติบัลแกเรียผู้เก่งกาจ และตัวแทนของฮอกวอตส์คือเซดริก ดิกกอรี่จากบ้านฮัฟเฟิลพัฟ เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีและนิสัยดี และคนสุดท้ายคือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ซึ่งอายุไม่ถึงเกณฑ์และได้รับคัดเลือกด้วย ทำให้ทุกคนพากันคิดว่าเขาใช้กลโกงเพื่อให้ได้เป็นตัวแทน แม้แต่รอน วีสลีย์ เพื่อนรักที่สุดของแฮร์รี่ก็ไม่เว้นเพราะรอนมีปมในใจที่ตนมักจะถูกคนมองข้ามไปไม่เหมือนแฮร์รี่ ทำให้ทั้งสองคนโกรธกันและไม่พูดกันเลยหลังจากนั้น ทำให้แฮร์รี่ต้องหาหนทางผ่านภารกิจที่ต้องแข่งขันร่วมกับเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์เพื่อนสนิทที่เหลืออยู่ของเขา แฮร์รี่สังเกตเห็นโช แชง ซีกเกอร์จากบ้านเรเวนคลอและแอบชอบเธออยู่
ภารกิจแรกถูกปกปิดเป็นความลับเพื่อทดสอบความกล้าหาญของผู้เข้าแข่งขัน แต่แฮกริดแอบพาแฮร์รี่ไปดูว่าภารกิจแรกของตัวแทนคือการต่อสู้กับมังกรเพื่อชิงไข่ทองคำจากมันมา (ไข่ดังกล่าวอยู่รวมกับไข่มังกรจริงๆ ทำให้มังกรมีลักษณะดุร้ายเป็นพิเศษ) เช่นเดียวกับมาดามมักซีม อาจารย์ใหญ่แห่งวิทยาลัยโบซ์บาตง ไอกอร์ คาร์คารอฟ อาจารย์ใหญ่ของสถาบันเดิร์มสแตรงก์ก็รู้เห็นถึงภารกิจนี้เหมือนกัน แต่เขาลักลอบเข้าไปดู ทำให้แฮร์รี่ต้องไปบอกรายละเอียดของภารกิจแรกให้เซดริก ดิกกอรี่ด้วยเพราะคงเหลือเขาคนเดียวเท่านั้นที่ยังไม่ทราบถึงภารกิจ (ค่อนข้างแน่นอนว่าอาจารย์ใหญ่ของทั้งสองโรงเรียนจะต้องนำข้อมูลดังกล่าวไปบอกกับตัวแทนแน่นอน) แฮร์รี่ตกใจเมื่อศาสตราจารย์มู้ดดี้เรียกแฮร์รี่เขาไปพบหลังจากเห็นแฮร์รี่ทำอย่างนั้น แต่ไม่ใช่เพื่ออบรมแต่เพื่อชมแฮร์รี่ที่เขาทำเช่นนั้น นอกจากนั้นเขายังบอกใบ้วิธีให้แฮร์รี่ผ่านภารกิจแรกอีกด้วย ก่อนที่ภารกิจแรกจะเริ่มขึ้นตัวแทนทั้งสี่จะต้อบจับฉลากหมายเลขที่แสดงถึงพันธุ์ของมังกรที่พวกเขาจะต้องสู้กับจากถุงผ้าไหม แฮร์รี่ฉับฉลากได้หมายเลขสี่ ซึ่งแทนพันธุ์ฮังการีหางหนาม พันธุ์ที่ว่ากันว่าอันตรายที่สุด แฮร์รี่ด้วยความช่วยเหลือของไม้กวาดไฟร์โบลต์เขาทำการหลอกล่อมังกรและสามารถชิงไข่ทองคำจากมันได้โดยได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่ไหล่เท่านั้น ไข่ทองคำนี่เองที่มีปริศนาที่ต้องไขเพื่อนำไปสู่ภารกิจที่สอง ภารกิจดังกล่าวสร้างความตื่นตระหนกให้กับเพื่อนของแฮร์รี่ทั้งสองคนเป็นอย่างมาก และทำให้รอนกลับมาคืนดีกับแฮร์รี่เพราะเขารู้แล้วว่าการแข่งขันดังกล่าวมีอันตรายต่อแฮร์รี่ขนาดไหน
ภารกิจที่จะตามมานั้นจะถูกจัดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ระหว่างนั้นริต้า สกีตเตอร์ นักข่าวจากหนังสือพิมพ์เดลี่พรอเฟ็ตผู้ที่ชอบเขียนข่าวบิดเบือนได้ลงข่าวป้ายสี โดยหาว่าแฮร์รี่สติไม่ดี และจับคู่เฮอร์ไมโอนี่กับแฮร์รี่ในทางเสียๆ หายๆ (เนื่องจากเฮอร์ไมโอนี่ว่ากล่าวริต้า สกีตเตอร์ว่าเธอนั้นเป็นคนหลอกลวงทำให้เธอไม่พอใจ) จนทำให้แม้แต่แม่ของรอน มอลลี่ วีสลีย์เกิดความเข้าใจผิดๆ จนกระทั่งความเข้าใจดังกล่าวถูกแก้ไขให้ถูกต้องโดยตัวแฮร์รี่เองในเวลาต่อมา ในขณะเดียวกันแฮร์รี่ยังไม่ค่อยสนใจจะไขปริศนาของไข่ทองคำซึ่งเมื่อเปิดออกมาจะมีเสียงโหยหวนที่ฟังไม่ได้ศัพท์เท่านั้น ในเทศกาลคริสต์มาส ฮอกวอตส์จัดงานเต้นรำขึ้น โดยแฮร์รี่รวบรวมความกล้าไปขอโช แชงให้ไปงานเต้นรำกับเขาแต่เธอบอกปฏิเสธไปเนื่องจากเธอรับคำชวนไปงานเต้นรำของเซดริกไปแล้ว เขาจึงขอกับปาราวตี ปาทิลไปงานเต้นรำกับเขาแทน ส่วนรอนชวนปัทมา ปาทิล น้องสาวของปาราวตีไป และเฮอร์ไมโอนี่ทำให้ทุกคนประหลาดใจโดยมากับวิกเตอร์ ครัมซึ่งสารภาพแอบชอบและติดตามเธอมานานแล้ว แม้กระนั้น แฮร์รี่ก็ยังไม่ค่อยสนใจที่จะไขปริศนาไข่ทองคำสักเท่าไรนัก เพราะแฮกริดหายตัวไปเนื่องจากถูกริต้า สกีตเตอร์เปิดโปงว่าเป็นเขาลูกครึ่งยักษ์และให้ข่าวไปว่าแฮกริดอาจเป็นอันตรายต่อนักเรียนของฮอกวอตส์ทำให้แฮร์รี่กังวลใจ แต่แฮกริดก็กลับมาทำงานได้โดยคำพูดของดัมเบิลดอร์ รวมถึงแฮร์รี่และเพื่อนของเขา แฮกริดยังบอกให้แฮร์รี่ชนะการประลองเวทย์ให้ได้ทำให้แฮร์รี่เริ่มพยายามไขปริศนาของไข่ทองคำให้ได้เนื่องจากไม่อยากทำให้แฮกริดผิดหวัง ระหว่างนั้น เซดริก ดิกกอรี่บอกใบ้วิธีไขปริศนาไข่ทองคำแก่แฮร์รี่ เพื่อตอบแทนที่แฮร์รี่ช่วยเขาในภารกิจแรกโดยแนะนำว่าให้เอาไข่ทองคำไปเปิดใต้น้ำ แฮร์รี่ทำตามจึงรู้ว่าภารกิจที่สองคือตัวแทนแต่ละคนจะต้องไปช่วยตัวประกันซึ่งก็คือคนที่ตัวเองรักมากที่สุดซึ่งถูกจับตัวไว้ใต้ทะเลสาบ ก่อนภารกิจที่สองจะเริ่มต้นแฮร์รี่พบว่าจะต้องไปช่วยรอน ส่วนวิกเตอร์ ครัมต้องจะต้องลงไปช่วยเฮอร์ไมโอนี่ ในขณะที่เซดริกต้องลงไปช่วยโช แชง และเฟลอร์ เดอลากูร์ต้องลงไปช่วยกาเบรียลน้องสาวของเธอเอง แฮร์รี่ไม่สามารถหาวิธีที่จะลงไปใต้น้ำได้แต่ด๊อบบี้ เอลฟ์ที่แฮร์รี่ปลดปล่อยให้เป็นไทเมื่อตอนที่เขาอยู่ปีที่ 2 ช่วยแฮร์รี่เอาไว้ด้วยการนำหญ้าเหงือกปลาที่มีคุณสมบัติเปลี่ยนผู้กินให้กลายเป็นปลาได้ให้แก่แฮร์รี่ ซึ่งภายหลังแฮร์รี่พบว่ามันถูกขโมยมาจากห้องทำงานของสเนป เขาแปลงกายเป็นปลาและดำลงไปช่วยตัวประกันของตัวเองและของคนอื่นๆ มาด้วยเนื่องจากคิดว่าคำใบ้ในไข่ทองคำเป็นความจริง แฮร์รี่ได้คะแนนจากกรรมการเป็นที่หนึ่งทำให้คะแนนรวมของเขาเท่ากับของเซดริก แม้จะมาเป็นคนสุดท้าย เนื่องจากกรรมการเห็นว่านี่เป็นการแสดงออกถึงคุณธรรม
ภารกิจสุดท้ายคือตัวแทนจะต้องฝ่าด่านต่างๆ ในเขาวงกตซึ่งประกอบไปด้วยสัตว์ประหลาดต่างๆ แฮร์รี่และเซดริกไปถึงถ้วยไตรภาคีซึ่งอยู่ตรงกลางของเขาวงกตพร้อมกันและทั้งคู่ตัดสินใจว่าในเมื่อพวกเขาร่วมกันฝ่าด่านและภารกิจทั้งสามมาด้วยกัน (โดยแฮร์รี่บอกเซดริกเกี่ยวกับภารกิจแรก และเซดริกบอกใบ้แฮร์รี่เกี่ยวกับภารกิจที่สอง) พวกเขาจึงควรที่จะจับถ้วยพร้อมกัน ในเมื่ออย่างไรก็ตาม มันก็ยังคงเป็นชัยชนะของฮอกวอตส์อยู่ดี
[แก้] การเผชิญหน้าในสุสานและการเผยตัวของบาร์ตี้ เคร้าช์ จูเนียร์
ถ้วยไตรภาคีที่จริงแล้วเป็นกุญแจนำทางซึ่งพาพวกเขาทั้งสองคนไปยังสุสาน ที่ๆ พวกเขาพบกับปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ (หรือหางหนอน) และลอร์ดโวลเดอมอร์ เซดริกถูกปีเตอร์สังหารในทันทีโดยใช้คำสาปพิฆาต "อะวาดา เคดาฟ-รา" และกรีดเลือดของแฮร์รี่เพื่อนำไปใช้ในพิธีปลุกชีพลอร์ดโวลเดอมอร์ขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้โวลเดอมอร์สามารถจับต้องตัวแฮร์รี่ได้และมีพลังมากกว่าเดิม
ต่อมาโวลเดอร์มอร์เรียกบรรดาผู้เสพความตายมาด้วยการปลุกรอยตรามารจากตัวของเขา และบังคับให้แฮร์รี่ต่อสู้กับเขาด้วยไม้กายสิทธิ์เพื่อพิสูจน์ว่า "เด็กชายผู้รอดชีวิต" ไม่เป็นอุปสรรคต่อเขาแต่อย่างใด แต่ปรากฏว่าไม้กายสิทธิ์ของทั้งสองคนกลับให้ผลแปลกประหลาดเรียกว่า "ไพร์-ออร์ อินคานตาโต้" เนื่องจากแกนกลางของไม้กายสิทธิ์ทำมาจากขนนกฟีนิกซ์ตัวเดียวกันซึ่งก็คือฟอกส์ โดยปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้ไม้กายสิทธิ์ของแฮร์รี่และโวลเดอมอร์เชื่อมต่อกันด้วยลำแสงสีทอง และบังคับให้ไม้กายสิทธิ์ของโวลเดอร์มอร์คายคำสาปก่อนหน้าออกมา ทำให้ภาพเงาหรือวิญญาณของผู้ที่ถูกลอร์ดโวลเดอร์มอร์สังหารปรากฏขึ้น ได้แก่เซดริก (แม้ว่าโรว์ลิ่งจะบอกว่าปีเตอร์เป็นคนฆ่าก็ตาม แต่เชื่อกันว่าปีเตอร์ใช้ไม้กายสิทธิ์ของโวลเดอมอร์) แฟรงค์ ไบรซ์ ชายแก่มักเกิ้ลที่แฮร์รี่เห็นในฝันในตอนต้น เจ้าหน้าที่กระทรวงเวทมนตร์เบอร์ธา จอร์กิ้นส์ รวมถึงพ่อแม่ของแฮร์รี่ ทุกคนช่วยกันบังโวลเดอมอร์เพื่อเปิดทางให้แฮร์รี่หนี แฮร์รี่หนีมาจากบรรดาผู้เสพความตายพาร่างไร้ชีวิตของเซดริก ดิกกอรี่กลับมาที่ฮอกวอตส์ได้อย่างหวุดหวิดตามคำขอร้องของวิญญาณของเซดริก
เมื่อแฮร์รี่กลับมาที่ฮอกวอตส์อีกครั้ง ท่ามกลางความงงงวยจากการหายตัวไปของเขา เขาถูกพาขึ้นไปบนปราสาทโดยอาจารย์สอนวิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืดและอดีตมือปราบมาร ศาสตราจารย์มู้ดดี้ เขาเผยตัวกับแฮร์รี่ว่าเขาเป็นผู้เสพความตาย และเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้ตั้งแต่เอาชื่อของแฮร์รี่ไปใส่ถ้วยอัคนี และนำแฮร์รี่มาจนถึงภารกิจสุดท้ายและทำให้แน่ใจว่าแฮร์รี่จะได้ไปเผชิญหน้ากับโวลเดอมอร์ ในขณะที่มู้ดดี้กำลังจะสังหารแฮร์รี่ ดัมเบิลดอร์, มักกอนนากัลและสเนปก็บุกเข้ามาในห้องและหยุดมู้ดดี้ และหลังจากดัมเบิลดอร์สืบสวนศาสตราจาย์มู้ดดี้ด้วยสัจจะเซรุ่มของสเนป แฮร์รี่ก็พบว่ามู้ดดี้แท้ที่จริงแล้วคือลูกชายของบาร์ตี้ เคร้าช์ ซึ่งเป็นสมุนที่จงรักภักดีต่อโวลเดอมอร์ปลอมตัวเป็นมู้ดดี้ด้วยน้ำยาสรรพรส ส่วนศาสตราจารย์มู้ดดี้ตัวจริงนั้นถูกบาร์ตี้จูเนียร์ซ่อนเอาไว้ในหีบวิเศษมาตลอดทั้งปี
หลังจากที่ดัมเบิลดอร์ทราบอย่างแน่ชัดแล้วว่าโวลเดอมอร์กลับคืนชีพอีกครั้ง เขาจึงเริ่มรวบรวมสมาชิกในภาคีนกฟีนิกซ์และจัดตั้งมันขึ้นมาอีกครั้ง ในขณะที่คาร์คารอฟ อาจารย์ใหญ่ของเดิร์มสแตรงก์และสเนปถูกเปิดเผยว่าเคยเป็นผู้เสพความตายมาก่อน บาร์ตี้ เคร้าช์ จูเนียร์ถูกผู้คุมวิญญาณจุมพิตดูดวิญญาณออกไปเสียก่อนที่จะให้การอีกครั้งกับรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์คอร์นีเลียส ฟัดจ์ได้ รัฐมนตรีฟัดจ์ปฏิเสธคำกล่าวของดัมเบิลดอร์และแฮร์รี่ที่ว่าโวลเดอมอร์กลับมาแล้ว แฮร์รี่ถือว่าเป็นผู้ชนะในการแข่งขันประลองเวทย์ไตรภาคีและได้รับรางวัลทองหนึ่งพันเกลเลียน แต่เขาไม่ยินดีกับมันแม้แต่น้อย เขาพยายามมอบรางวัลทองพันเกลเลียนให้พ่อแม่ของเซดริกแต่ทั้งคู่ไม่รับ แฮร์รี่จึงมอบมันให้กับพี่น้องฝาแฝดเฟร็ดกับจอร์จ วีสลีย์แทน เพื่อให้พวกเขานำไปเป็นทุนในการตั้งร้านขายของเล่นวิเศษ ส่วนเฮอร์ไมโอนี่ก็จับได้ว่าริต้า สกีตเตอร์ซึ่งลงข่าวให้ร้ายพวกเขามาตลอดแท้จริงแล้วหาข่าวโดยการแปลงเป็นแมลงปีกแข็ง ซึ่งทำให้เธอเป็นแม่มดแอะนิเมะจัสที่ไม่ได้จดทะเบียนซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย เธอจึงขังริต้าไว้ในขวดเป็นการแก้แค้นและขู่ไม่ให้เธอเขียนข่าวแลกกับการไม่เปิดโปงความลับของเธอ และปีการศึกษาของฮอกวอตส์และการเรียนในชั้นปีที่สี่ของแฮร์รี่ก็จบลงอีกครั้ง
ไม่ว่าจะเป็นจากความกลัวหรือโกรธของฟัดจ์ส่งผลให้ดัมเบิลดอร์ถูกปลดออกจากตำแหน่งสำคัญๆ หลายตำแหน่งในโลกผู้วิเศษ และมอบชื่อเสียให้กับแฮร์รี่และดัมเบิลดอร์ในหนังสือเล่มต่อมา
[แก้] ดูเพิ่ม
- แฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี ISBN 974-472-964-3
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
- เว็บไซต์เนื้อเรื่องย่อและกระดานสนทนาเกี่ยวกับแฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี
- ข้อผิดพลาดที่พบในหนังสือเล่มนี้ (ภาษาอังกฤษ)
แฮร์รี่ พอตเตอร์ | |||
---|---|---|---|
1 แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ | 5 แฮร์รี่ พอตเตอร์กับภาคีนกฟีนิกซ์ | ||
2 แฮร์รี่ พอตเตอร์กับห้องแห่งความลับ | 6 แฮร์รี่ พอตเตอร์กับเจ้าชายเลือดผสม | ||
3 แฮร์รี่ พอตเตอร์กับนักโทษแห่งอัซคาบัน | 7 Harry Potter and the Deathly Hallow | ||
4 แฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี | |||
|
|||
ควิดดิชในยุคต่างๆ | สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ |