กองทุนรวม
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
กองทุนรวม (Mutual Fund) เป็นการรวบรวมเงินทุนจากนักลงทุนทั่วไป คนละเล็กคนละน้อย เพื่อรวมเป็นเงินก้อนขนาดใหญ่ แล้วนำเงินที่รวบรวมนั้นไปลงทุนตามที่ได้ตกลงกับนักลงทุน กองทุนที่รวบรวมเงินที่ได้นี้จะได้รับการบริหารจัดการจากบริษัทจัดการกองทุนซึ่งมีหน้าที่ลงทุนแทนนักลงทุนหรือผู้ถือหน่วยลงทุน และมีการจัดตั้งผู้ดูแลผลประโยชน์เพิ่มขึ้นมาอีกซึ่งกฎหมายจะกำหนดเอาไว้ เพื่อค่อยดูแลเงินกองทุนนั้นแทนนักลงทุนที่นำเงินมาลงทุน เผื่อในกรณีที่บริษัทจักการกองทุนล้ม ผู้ดูแลผลประโยชน์ก็จะชดเชยให้กับนักลงทุน หรือบริษัทจัดการกองทุนไม่ได้ทำตามหนังสือชี้ชวนผู้ดูแลผลประโยชน์ก็จะเอาผิดบริษัทจัดการกองทุนแทนผู้ถือหน่วยลงทุนได้เช่นกัน
โครงสร้างของกองทุนรวม ในการดำเนินกิจการจัดการลงทุน จะประกอบไปด้วย
- บริษัทจัดการกองทุน (Investment Company)
- นักลงทุนผู้ถือหน่วยลงทุน (Unit Holder)
- ผู้ดูแลผลประโยชน์ (Trustee)
สารบัญ |
[แก้] การลงทุนในกองทุนรวม
บริษัทจัดการกองทุนจะออกหนังสือชี้ชวนให้แก่นักลงทุน เพื่อให้นักลงทุนที่สนใจพิจารณาตัดสินใจก่อน จากนั้นบริษัทก็จะออกหน่วยลงทุน (unit trusts) มักจะออกขายราคาเริ่มต้นที่หน่วยละ 10 บาท ส่วนนักลงทุนที่สนใจในกองทุนรวมนั้นก็จะซื้อหน่วยลงทุนนั้นๆ และนักลงทุนก็ได้รับผลตอบแทนในรูปเงินปันผล (devidend)หรืออาจจะได้ในรูป กำไรส่วนต่าง (capital gain) ดอกเบี้ยรับ ส่วนลดรับ ซึ่งผลตอบแทนก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของการบริหารโดยบริษัทจัดการกองทุนและผู้จัดการกองทุน ว่าจะมีความสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนหรือผู้ถือหน่วยลงทุนได้มากน้อยเพียงใด
[แก้] ประเภทของกองทุนรวม
[แก้] แบ่งตามการรับซื้อ
- กองทุนปิด (Close-end Mutual Fund) เป็นกองทุนที่ขายหน่วยลงทุนให้กับนักลงทุนเป็นจำนวนจำกัดขนาด และเวลาในการไถ่ถอนหรือขายคืนให้กับบริษัทจัดการกองทุนจะกำหนดไว้ในหนังสือชี้ชวนก่อนจำหน่ายไว้แล้ว และในระหว่างเวลาที่ถือหน่วยลงทุนจะไม่สามารถขายคืนได้จนกว่าจะครบกำหนด คือกำหนดวันหมดเวลาของหน่วยลงทุนซึ่งบริษัทจัดการกองทุนจะรับซื้อตามมูลค่าที่ครบกำหนดซึ่งอาจจะมากขึ้นหรือลดลงก็ได้ แต่บางครั้งกองทุนปิดก็สามารถทำการซื้อขายได้ตลอดถ้าบริษัทจัดการกองทุนนำกองทุนปิดที่ตนเองออกขายให้กับนักลงทุน ไปจดทะเบียนไว้ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งผู้ถือหน่วยลงทุนจะสามารถขายผ่านตลาดหลักทรัพย์ได้ซึ่งเป็นการเพิ่มสถาพคล่องให้กับผู้ถือหน่วยได้อีกทางหนึ่ง
- กองทุนเปิด (Open-end Mutual Fund) เป็นกองทุนที่ขายหน่วยลงทุนให้นักลงทุนเป็นไม่จำกัดขนาดและเวลาในการไถ่ถอน คือนักลงทุนสามารถที่จะซื้อหรือจะขายเมื่อไหร่ก็ได้และระยะเวลาของหน่วยลงทุนจะไม่มีกำหนด โดยไม่ต้องจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ สามารถซื้อขายผ่านบริษัทหลักทรัพย์นั้นๆได้เลย
[แก้] แบ่งตามนโยบายการลงทุน
- กองทุนตราสารหนี้ (General fixed income fund) เป็นกองทุนที่ขายหน่วยลงทุนให้กับนักลงทุนเพื่อนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ ตราสารหนี้ภาครัฐบาล และ ตราสารหนี้ภาคเอกชน เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ ผลตอบแทนที่จะอยู่ในรูปดอกเบี้ยรับที่จะไปเพิ่มมูลค่าหน่ายลงทุนสุทธิ (Net Asset Value) หรือ (NAV) ให้สูงขึ้น
- กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น (Short-term fixed income fund) เป็นกองทุนที่ขายหน่วยลงทุนให้กับนักลงทุนเพื่อนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี
- กองทุนตราสารหนี้ระยะยาว (Long-term fixed income fund) เป็นกองทุนที่ขายหน่วยลงทุนให้กับนักลงทุนเพื่อนำเงินไปลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวที่มีอายุมากกว่า 1 ปี สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะยาว
- กองทุนตราสารทุน (Equity fund) เป็นกองทุนที่ขายหน่วยลงทุนให้กับนักลงทุนเพื่อนำเงินไปลงทุนในตราสารทุน ประเภทหุ้นสามัญ ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ผลตอบแทนที่ได้ขึ้นอยู่กับบริษัทจัดการกองทุนว่าจะเป็นผลตอบแทนประเภทจ่ายเงินปันผล (dividend) หรือจากกำไรส่วนต่าง (capital gain)
- กองทุนตลาดการเงิน (Money market fund) เป็นกองทุนที่ขายหน่วยลงทุนให้กับนักลงทุนเพื่อนำเงินไปลงทุนในตลาดการเงิน เช่นฝากธนาคารหรือนำไปลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นที่มีอายุไม่เกิน 1 ปี ผลตอบแทนที่ได้จะอยู่ในรูปดอกเบี้ยรับซึ่งจะไปเพิ่มมูลค่าให้กับหน่วยลงทุนสุทธิ (Net Asset Value) หรือ (NAV) ราคาหน่วยลงทุนจะเพิ่มขึ้นนั้นเอง และมีลักษณะคล้ายๆกับกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้นอีกด้วย แต่ที่ต่างกันคือ กองทุนตลาดการเงินจะเอาเงินบางส่วนไปฝากไว้กับธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยสูงอีกด้วย
- กองทุนอสังหาริมทรัพย์ (Property fund) เป็นกองทุนที่ขายหน่วยลงทุนให้กับนักลงทุนเพื่อนำเงินไปลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยการนำเงินที่ได้ไปเช่าในระยะยาว 20-30 ปี ในอาคารหรือที่ดินที่เป็นประโยชน์และผลตอบแทนที่ได้คือ ค่าเช่าจากการนำไปทำประโยชน์ ผู้ถือหน่ายจะได้รับผลตอบแทนในรูปเงินปันผล (devidend) ในแต่ละปี แต่กองทุนนี้จะให้ผลตอบแทนในระยะยาว ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปกองทุนปิด และนำไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อสร้างสภาพคล่องให้แก่ผู้ที่ถือหน่วยลงทุนและเปิดโอกาสให้กับผู้ที่ต้องการซื้อหน่วยลงทุนได้อีกด้วย
- กองทุนทองคำ (Gold fund) เป็นกองทุนที่ขายหน่วยลงทุนให้กับนักลงทุนเพื่อนำเงินไปลงทุนในทองคำ ซึ่งผู้ที่ถือหน่วยจะไม่ได้ถือทองคำจริงๆ แต่จะถือในรูปหน่วยลงทุนซึ่งผลตอบแทนที่ได้จากกองทุนทองคำคือมูลค่าที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งอยู่ในรูปกำไรส่วนต่าง (capital gain)
- กองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (Foreign investment fund) หรือ (FIF) เป็นกองทุนที่จะนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศทั้งใน ตลาดเงิน ตลาดทุน ทองคำ หรือ ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ผลตอบแทนที่ได้จะต้องนำมาคำนวณในอัตราแลกเปลี่ยนอีกต่อหนึ่งด้วย ซึ่งผลกำไรอาจจะเท่าทุนก็เป็นได้ถ้าขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนมาชดเชยกำไรที่ได้ ดังนั้นกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศอาจมีข้อเสียจากความเสียงในอัตราแลกเปลี่ยน แต่ก็มีผลดีก็คือเป็นการกระจายการลงทุนออกไปนอกประเทศ ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงจากเศรษฐกิจภายในประเทศได้อีกทางหนึ่งด้วย
- กองทุนแบบผสม (Flixible Fund) เป็นกองทุนที่ลงทุนแบบผสมผสาน โดยจะกำหนดให้ลงทุนในตราสารทุนไม่เกินกว่าร้อยละ 65 แต่ต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 35 ที่เหลือนำไปลงทุนในตราสารอื่นได้ตามความเหมาะสม ขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้จัดการกองทุน
- กองทุนผสมแบบยืดหยุ่น (Balance Fund) เป็นกองทุนที่ลงทุนแบบผสมผสานเช่นเดียวกันกองทุนแบบผสม แต่ไม่ได้กำหนดของเขตการลงทุนในตราสารทุนหรือตราสารหนี้ในสัดส่วนเท่าใด การแบ่งสัดส่วนการลงทุนขึ้นอยู่กับผู้จัดการกองทุน
- กองทุนอิงดัชนี (Index Fund) เป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารทุน แต่จะให้น้ำหนักการลงทุนให้เท่ากับดัชนี นั้นๆ หรือเหนือกว่า ส่วนใหญ่จะอ้างอิงกับ SET50index บริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ 50 อันแรกในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งวัดกันที่ขนาดมูลบริษัทจดทะเบียนในตลาด หรือ Merket cap ซึ่งการลงทุนในดัชนี SET50index นี้ส่วนใหญ่มุ่งที่จะชนะตลาดในระยะยาว ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้จัดการกองทุนนั้นๆ ผลตอบแทนที่ได้คือกำไรส่วนต่างราคา(capital gain)
- กองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (Retirement Mutual Fund) หรือ (RMF) เป็นกองทุนรวมที่มีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการออมระยะยาวเพื่อการเลี้ยงชีพของผู้ถือหน่วยลงทุน ผู้ที่ถือหน่วยลงทุนจะได้รับคืนตอนอายุ 60 ปี แต่กองทุนนี้จะได้รับสิทธิ์พิเศษในการลดหย่อนภาษี
- กองทุนหุ้นระยะยาว (Long term Equity Fund) หรื่อ (LTF) กองทุนรวมตราสารแห่งทุนที่นำเงินที่ได้จากการจำหน่ายหน่วยลงทุนไปลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า65% ของ NAV และต้องถืออย่างน้อย 5 ปีถึงจะไถ่ถอนคืนได้ แต่กองทุนก็ได้รับสิทธิ์เหมือน (RMF) ในการลดหย่อนภาษีได้เหมือนกัน
[แก้] ผลตอบแทนจากการลงทุน
- กำไรส่วนต่าง (Capital Gain)
เกิดจากการที่ราคาหลักทรัพย์หรือหน่วยลงทุนที่เราถือนั้นสูงขึ้น แล้วถ้าเราขายเราจะเรียกว่ากำไรส่วนต่างหรืออาจจะเรียกอีกอย่างได้ว่า กำไรส่วนเกินทุน
- เงินปันผล (Devidend)
เงินที่จ่ายให้ผู้ถือหน่วยลงทุนหรือถือหลักทรัพย์ซึ่งได้มาจากการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งบริษัทจะนำกำไรที่ได้มาจ่ายให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนหรือหลักทรัพย์ต่ามที่ได้กำหนดเอาไว้
- ดอกเบี้ยรับ (Interest Received)
ได้จากการที่ผู้ถือหน่วยลงทุนหรือหลักทรัพย์นั้นได้รับดอกเบี้ยรับ ตามอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดเอาไว้
- ส่วนลดรับ (Discount Earned)
ได้จากการที่เราซื้อในราคาลดหรือถูกว่าราคาหน้าตั๋วสัญญาซึ่งเป็นราคาในการไถ่ถอนคืน เมื่อเราซื้อถูกเวลาไปไถ่ถอนในราคาหน้าตั๋วเราก็จะได้ส่วนต่าง ตัวอย่างเช่น ราคาหน้าตั๋ว 100 บาท แต่เราซื้อลดที่ 95 บาท เมือถึงกำหนดเราไปไถ่ถอนในราคา 100 บาท จะเท่ากับว่าเราได้กำไร 5 บาทนั่นเอง
[แก้] ความเสี่ยงจากการลงทุน
ความเสี่ยงเกิดจากผลตอบแทนที่ได้รับนั้นน้อยกว่าที่คาดหวัง หรือ อาจถึงขั้นขาดทุนเลยก็เป็นได้ ซึ่งความเสียงนี้นักลงทุนต้องมีภาวะการยอมรับตั้งแต่เนินๆแล้วว่า การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ ยิ่งผลตอบแทนมากความเสียงก็ยิ่งมาก ผลตอบแทนน้อยความเสี่ยงก็น้อยตาม ดังนั้นใครที่ต้องการผลตอบแทนมากก็แสดงว่าสามารถที่จะยอมรับความเสี่ยงได้มากเช่นกัน ซึ่งความเสียงเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง สถาวะเศรษฐกิจ อัตราแลกเปลี่ยน ความผิดพลาดของบริษัทจัดการกองทุน หรือความเสี่ยงจากความไม่รู้ของนักลงทุนก็ถือว่าเป็นความเสียง ซึ่งเราสามารถแบ่งความเสียงได้ดังนี้ กองทุนตราสารทุน มีความเสียงมากกว่า กองทุนตราสารหนี้ และ ตราสารตลาดเงิน แต่ในขณะเดียวกันผลตอบแทนจากกองทุนตราสารทุนก็มีความเสี่ยงมากกว่า กองทุนตราสารหนี้ และ ตราสารตลาดเงิน ด้วย
- ความเสี่ยงของกองทุนตราสารทุน
เกิดจากการที่มูลค่าของหลักทรัพย์ในตราสารทุน เช่น หุ้น มีมูลค่าลดต่ำลง
- ความเสี่ยงของกองทุนตราสารหนี้
เกิดจากการที่มูลค่าของดอกเบี้ยที่จะได้รับ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ ลดลง หรือ ผู้ออกตราสารหนี้ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยได้
[แก้] บทบาทของกองทุนรวมที่มีต่อระบบเศรษฐกิจ
กองทุนรวมเปรียบเสมือนเครื่องมือในการรวบรวมเงินออมจากนักลงทุน นำไปกระจายเข้าสู่ระบบแก่ผู้ที่ต้องการทุนหรื่อหน่วยธุรกิจ เมื่อนำไปลงทุน ซึ่งการลงทุนนี้เป็นส่วนสำคัญในทางเศรษฐศาสตร์ เป็นตัวแปรหนึ่งในผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ (GDP) การลงทุนที่เกิดขึ้นย่อมส่งผลให้มีการจ้างงานเกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจทำให้มีการกระจายรายได้ หน่ายธุรกิจที่ลงทุนจะช่วยในการกระจายทรัยากรทีมีจำกัดไปสู่ระบบเศรษฐกิจอีกด้วย ฉะนั้นกองทุนรวมจึงมีส่วนสำคัญในการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจโดยตรง เพราะเงินที่นำเข้าสู่ระบบผ่านกองทุนรวมนี้ จะทำให้เกิด การลงทุน การจ้างงาน และ การบริโภคที่สูงขึ้น ก่อให้เกิดผลกระทบเป็นลูกโซ่ในระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
[แก้] อ้างอิง
- ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
- กองทุนรวม
- สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
- บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนทหารไทย
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
![]() |
กองทุนรวม เป็นบทความเกี่ยวกับ เศรษฐศาสตร์ การเงิน ธุรกิจ หรือ การค้า ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น ข้อมูลเกี่ยวกับ กองทุนรวม ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ |