พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม พระนามเดิม พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์ ทรงเป็นต้นราชสกุล "เพ็ญพัฒน์" เป็นผู้พระนิพนธ์เพลงลาวดวงเดือน
พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์ ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ ๓๘ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อันประสูติแต่เจ้าจอมมารดามรกฎ ธิดาของเจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง (เพ็ง เพ็ญกุล) ประสูติเมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๒๕ เสด็จไปศึกษาทางด้านเกษตรกรรมจากประเทศอังกฤษ สำเร็จการศึกษาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๖ ขณะพระชนมายุ ๒๐ พรรษา กลับมารับราชการเป็นผู้ช่วยปลัดทูลฉลอง กระทรวงศึกษาธิการ
ในปี พ.ศ. ๒๔๔๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชวินิจฉัยให้อุดหนุนการทำไหมและทอผ้าของประเทศ โดยได้ว่าจ้าง ดร.คาเมทาโร่ โทยาม่า จากมหาวิทยาลัยโตเกียว ทดลองเลี้ยงไหมตามแบบฉบับของญี่ปุ่น สอนและฝึกอบรมนักเรียนไทยในวิชาการเลี้ยงและการทำไหม พร้อมกับสร้างสวนหม่อนและสถานีเลี้ยงไหมขึ้นที่ตำบลศาลาแดง กรุงเทพ ทรงจัดตั้งกองช่างไหมขึ้นในกระทรวงเกษตราธิการ ต่อมา วันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ. ๒๔๔๖ กระทรวงเกษตราธิการได้รวมกองการผลิต, กองการเลี้ยงสัตว์ และกองช่างไหม ตั้งขึ้นเป็น "กรมช่างไหม" โดยมี พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงษ์ เป็นอธิบดีกรมช่างไหมพระองค์แรก
งานหลักของกรมช่างไหม คือ การดำเนินงานตามโครงการของสถานีทดลองเลี้ยงไหม เริ่มด้วยการก่อตั้งโรงเรียนสอนการทำไหมขึ้นในพระราชวังดุสิต เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๔๖ และเปิดโรงเรียนสอนการทำไหมขึ้นที่ปทุมวัน เรียกว่า "โรงเรียนกรมช่างไหม" เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๔๗ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผู้เชี่ยวชาญ ศึกษาวิจัย และฝึกพนักงานคนไทยขึ้นแทนคนญี่ปุ่น ในเวลาต่อมาโรงเรียนแห่งนี้ได้พัฒนาเป็น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม ทรงสนพระทัยดนตรีไทย ทรงโปรดให้มีวงปี่พาทย์วงหนึ่ง เรียกกันว่า "วงพระองค์เพ็ญ" พระองค์ยังทรงเล่นดนตรีได้หลายชนิด และทรงเป็นนักแต่งเพลงที่สามารถ เมื่อครั้งเสด็จกลับจากประเทศอังกฤษ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดมได้เสด็จไปนครเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๖ ทรงชอบพอกับ เจ้าหญิงชมชื่น ณ เชียงใหม่ พระธิดาใน เจ้าราชสัมพันธวงศ์ ธรรมลังกา ณ เชียงใหม่, เจ้าราชสัมพันธวงศ์นครเชียงใหม่ กับ เจ้าหญิงคำย่น (ณ ลำพูน) ณ เชียงใหม่ ได้ทรงโปรดให้ข้าหลวงใหญ่มณฑลพายัพเป็นเฒ่าแก่เจรจาสู่ขอ แต่ได้รับการทัดทาน ไม่มีโอกาสที่จะได้สมรสกัน ทำให้พระองค์โศกเศร้ามาก และได้ทรงพระนิพนธ์เพลงลาวดำเนินเกวียน (หรือ ลาวดวงเดือน) ขึ้น เมื่อใดที่ทรงระลึกถึง เจ้าหญิงชมชื่น ก็จะทรงดนตรีเพลงนี้มาตลอดพระชนมชีพ
วังที่ประทับของกรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม เป็นบ้านของเจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง (เพ็ง เพ็ญกุล) บิดาของเจ้าจอมมารดากรกต มีชื่อเรียกว่า วังท่าเตียน มีโรงละครอยู่โรงหนึ่ง ในสมัยนั้นเรียกกันว่า ปรินส์เทียเตอร์
[แก้] พระโอรส-ธิดา
กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม ทรงเสกสมรสกับหม่อมเจ้าหญิงวรรณวิลัย (กฤดากร) (๑ ตุลาคม ๒๔๓๑ - ๒๐ ธันวาคม ๒๔๗๖) พระธิดาในกรมพระนเรศรวรฤทธิ์ เมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๔๖ มีพระธิดา ๑ พระองค์ คือ [1]
- หม่อมเจ้าหญิงพรรณเพ็ญแข เพ็ญพัฒน์ (๑๑ กันยายน ๒๔๔๘ - ๑ กรกฎาคม ๒๕๑๗) สมรสกับหม่อมราชวงศ์บรรลือศักดิ์ กฤดากร
- หม่อมหลวงเพ็ญศักดิ์ กฤดากร (๑๒ ตุลาคม ๒๔๗๖ - )
- หม่อมหลวงพรรณศิริ กฤดากร (๑๕ กันยายน ๒๔๗๘ - )
- หม่อมหลวงธิดาเพ็ญ กฤดากร (๓๐ ธันวาคม ๒๔๘๐ - )
และมีพระโอรสกับหม่อมเทียม (พฤศจิกายน ๒๔๓๓ - ๒๔ เมษายน ๒๕๐๗) ๑ พระองค์ คือ
- หม่อมเจ้าเผ่าเพ็ญพัฒน์ เพ็ญพัฒน์ (๙ พฤษภาคม ๒๔๔๙ - ๑๐ มกราคม ๒๕๐๓) สมรสกับหม่อมหลวงพอจิตร ปัทมสิงห์
- หม่อมราชวงศ์เพ็ญพิชญ์ เพ็ญพัฒน์ (๒ มิถุนายน ๒๔๗๖ - )
- หม่อมราชวงศ์พัฒนมหินทร์ เพ็ญพัฒน์ (๑๖ มิถุนายน ๒๔๘๐ - ๑๓ สิงหาคม ๒๕๒๓)
ทรงสิ้นพระชนม์ด้วยโรคปอดเรื้อรัง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๓ พระชนมายุ ๒๘ พรรษา