คนชายขอบ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
![]() |
บทความนี้อาจต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายมุมมองที่เป็นกลาง ผู้ใช้วิกิพีเดียได้เสนอให้มีการตรวจสอบความเป็นกลางของบทความนี้ ในขณะนี้อาจไม่มีการคัดค้านที่ชัดเจน แต่เนื้อหาอาจต้องมีการพูดคุยเพื่อปรับปรุงที่ หน้าพูดคุย |
"คนชายขอบ" มาจาก คำว่า "marginal people" หมายถึง บุคคลหรือกลุ่มคนที่สังคมไม่สนใจเหลียวแล ถูกทิ้งขว้างแปลกแยกจากสังคมกระแสหลัก เช่น ชาวเขา ชนกลุ่มน้อย ผู้หญิงขายบริการ พวกรักร่วมเพศ หรือคนพิการ นอกจากนี้ คนชายขอบยังรวมถึงผู้ที่ถูกปฏิเสธโดยสังคมส่วนใหญ่ เช่น ในห้องเรียน ถ้าบังเอิญเราเรียนไม่เก่งแล้วอยู่ห้องคิง ก็กลายเป็นคนชายขอบได้เช่นกัน เพราะฉะนั้น กาละเทศะ(space/time) จึงไม่ใช่แค่คนที่อยู่ชายขอบแบบ ที่อยู่ตามชายแดนระหว่างประเทศ เท่านั้น แต่หมายถึงคนที่ถูกคนส่วนใหญ่มองว่าเป็นคนส่วนน้อยในสังคม อันเป็นที่ว่างทางวัฒนธรรมด้วยเช่นกัน
แปลว่าการนิยามคนชายขอบอาจจะมาทั้งจากคนส่วนใหญ่พูดถึงคนส่วนน้อยในเชิงเป็นอื่น (otherness) ที่ด้อยกว่าเอง หรือคนส่วนน้อยมองตัวเองว่าด้อยกว่าก็ได้ แต่บางครั้งคนส่วนน้อยก็อาจมองว่าคนส่วนใหญ่เป็นคนชายขอบก็ได้ ถ้าที่ว่างทางวัฒนธรรม ของคนส่วนน้อยคิดว่าตนเองเข้มแข็งกว่า เช่น คนจีนในเยาวราช ที่อาจมองว่าคนอื่นนอกเยาวราชด้อยกว่าก็ได้ ซึ่งนั่นหมายถึงการเกิดท้องถิ่นนิยม (localism) ตามมา "คนชายขอบ" จึงมัก มีชีวิตที่อยู่กับการถูกทอดทิ้ง เอาเปรียบ และถูกเอาประโยชน์ ถูกกีดกันไม่ให้เข้าถึงทรัพยากร ฯลฯ คนเหล่านี้อยู่นอกสายตา และไม่เคยถูกเล็งที่จะให้ได้รับการช่วยเหลือ
[แก้] ประเภทของคนชายขอบ
- ชายขอบของภูมิศาสตร์ ซึ่งใครก็ตามที่อยู่ขอบริมของแผนที่ คนเหล่านั้นก็คือคนชายขอบ. แต่รายละเอียดของความเป็นชายขอบนั้นอาจมีเนื้อหาแตกต่างกัน เช่นบางคนอยู่ชายขอบ กลับเป็นการเอื้อต่อการลงทุนที่ข้ามไปลงทุนในชายแดนกับอีกประเทศหนึ่ง บางคนเป็นผู้ซึ่งมีอิทธิพลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจอยู่ตรงบริเวณนั้น เช่น มีโรงงานอุตสาหกรรม มีการร่วมลงทุนในทางธุรกิจการท่องเที่ยว ธุรกิจบ่อนการพนัน การฟอกเงินต่างๆ, ส่วนบางคน กลับถูกกีดกันในการเข้าถึงทรัพยากรในระดับพื้นฐานที่สุด เช่น ไม่มีที่ทำกิน ถูกเอาเปรียบขูดรีดแรงงาน และถูกใช้เป็นกันชนในเขตชายแดนที่มีปัญหาข้อพิพาท เป็นต้น
- ชายขอบของประวัติศาสตร์ สำหรับเรื่องนี้มันมีพลวัตรเปลี่ยนแปลงไปมา และสัมพันธ์กับสภาพภูมิศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างเช่น สมัยอาณาจักรสุโขทัย อยุธยาก็เป็นเพียงเมืองชายขอบ. มาถึงสมัยอยุธยา สุโขทัยก็เปลี่ยนแปลงความสำคัญของตัวเองไป และศูนย์กลางอย่างกรุงเทพฯก็จัดว่าเป็นดินแดนชายขอบของอาณาจักรอยุธยา เป็นต้น จะเห็นว่า หากมองจากแง่ของประวัติศาสตร์มันมีความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นพลวัตร
- ชายขอบของความรู้ หากมามองกันที่ตัวของความรู้ ความรู้ใดที่ไม่สอดคล้องกับความรู้อื่นๆ ความรู้ใดที่ไม่ใช่กระแสหลัก ความรู้นั้นก็เป็นชายขอบ แม้แต่คนที่อยู่ที่ศูนย์กลางขอบเขตทางภูมิศาสตร์ หากมีความรู้ต่างไปจากสังคม ต่างไปจากความเชื่อ ความคิด ความเห็นของคนส่วนใหญ่ ความรู้นั้นก็เป็นชายขอบในท่ามกลางศูนย์กลางนั่นเอง ตัวอย่างในเรื่องนี้ที่จะขอยกขึ้นมาก็คือ ในสมัยเริ่มต้นการพัฒนาเมื่อประมาณ ๔๐ กว่าปีที่แล้ว จอมพลสฤษฎิ์ ได้มีจดหมายไปถึงเถระสมาคม ไม่ให้สอนเรื่องสันโดษ ทั้งนี้เข้าใจว่า หลักการดังกล่าวของพระพุทธศาสนา ไปขัดกับหลักของการพัฒนาประเทศ. อย่างนี้ ความรู้เกี่ยวกับเรื่องของสันโดษก็คือ เป็นความรู้แบบชายขอบ
![]() |
คนชายขอบ เป็นบทความที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น ข้อมูลเกี่ยวกับ คนชายขอบ ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ |