พระเจ้าโกจง
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พระเจ้าโกจง (ฮันกุล:고종 광무제 ฮันจา:高宗光武帝 อังกฤษ:Gojong of Korea 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2395–21 มกราคม พ.ศ. 2462) ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์ที่ 26 แห่งราชอาณาจักรเกาหลี ทรงเป็นจักรพรรดิองค์แรกแห่งจักรวรรดิเกาหลี และบางครั้งจะถือว่าทรงเป็นประมุขปห่งเกาหลีพระองค์สุดท้าย
สารบัญ |
[แก้] ขึ้นครองราชย์
ปี พ.ศ. 2407 เมื่อพระเจ้าชอลจง กษัตริย์แห่งสายราชวงศ์ลีลำดับที่ 25 ในยุคสมัยราชวงศ์โชซอนทรงเสด็จสรรคตโดยที่ไม่มีรัชทายาทสืบราชบัลลังก์เนื่องจากพระองค์ไม่มีพระโอรสสายพระโลหิตของพระองค์ก็ล้วนแต่เป็นพระธิดาทั้งสิ้นสิทธิในการสืบราชบัลลังก์จึงต้องตกเป็นของเชื้อพระวงศ์ลำดับถัดไปซึ่งช่วงเวลานั้นในพระราชสำนัก อำนาจทั้งหมดตกอยู่ในสายตระกูลคิมแห่งเมือง อันดง เสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งตระกูลคิมนี้เป็นสายตระกูลเดิมของราชินีโชรินมเหสีของพระเจ้าชอลจงเมื่อสิ้นรัชสมัยของพระองค์ขุนนางฝ่ายอื่นๆจึงได้พยายามริดรอนอำนาจของฝ่ายราชวงศ์คิมลงโดยขุนนางตระกูลอื่นนั้นมีสายตระกูลโจ ซึ่งเป็นตระกูลของอดีตพระราชาพระเจ้ายองโจ กษัตริย์ราชวงศ์ลีลำดับที่ 20แห่งโชซอน เป็นแกนนำ ได้ร่วมมือกับเชื้อพระวงศ์ลีพระองค์หนึ่งคือองค์ชาย ลี แฮอุง สามารถเป็นฝ่ายแย่งชิงตรากษัตริย์เอาไว้ครอบครองได้ จึงถือสิทธิในการหาผู้สืบบัลลังก์กษัตริย์เองโดยฝ่ายตระกูลโจและ องค์ชาย ลี แฮอุง ได้เลือกโอรสขององค์ชายลี แฮอุงขึ้นครองราชย์สมบัติ โดยองค์ชายนี้มีพระนามว่า ลี เมียงบอค ซึ่งในขณะนั้นมีพระชนม์เพียง 12 พรรษา โดยมีองค์ชาย ลีแฮอุง ทรงรับตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เมื่อองค์ชาย ลี เมียงบอค ชึ้นสืบราชบัลลังก์แล้วจึงได้ทรงพระนามว่าพระเจ้าโกจง ส่วนองค์ชายลีแฮอุง ผู้เป็นพระบิดาเมื่อขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ก็จึงดำรงพระยศเป็นองค์ชายแดวอน
[แก้] สถานการณ์ในราชสำนักตอนต้นรัชกาล
ประวัติศาสตร์เกาหลีในช่วงพระเจ้าโกจงนี้เองเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญของประเทศเกาหลี หลังจากที่สกุลโจขึ้นมามีอำนาจแทนก็ได้ร่วมมือกับองค์ชายแดวอน ปฏิรูปกฎและระเบียบต่างๆภายในราชสำนักเสียใหม่และสิ่งที่แน่นอนก็คือการล้มล้างระบบอำนาจเก่าของสกุลคิมที่เคยมีอย่างมากล้นในสมัยพระเจ้าชอลจงออกไปทั้งหมดด้วย การคอรัปชั่นเบียดบังเงินหลวงที่ฝังรากลงในราชสำนักมาอย่างยาวนานเป็นข้ออ้างสำคัญในการกำจัดอำนาจเก่าครั้งนี้ซึ่งก็เป็นข้ออ้างที่ตรงใจประชาชนอย่างมาก ที่ประชาชนไม่พอใจต่อการกดขี่ข่มเหงของขุนนางซึ่งสะสมมายาวนาน จึงเป็นนิมิตหมายอันดีที่กลุ่มอำนาจใหม่จะซักฟอกระบบที่ไม่เป็นธรรมนี้เสีย แต่เมื่อกลุ่มอำนาจใหม่นี้ขึ้นมามีอำนาจโดยสมบูรณ์ก็กลับไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆเลย ในความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนกลุ่มอำนาจใหม่นี้กลับอาศัยช่องทางเบียดบังทรัพย์สินหนักขึ้นไปอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกษัตริย์พระองค์ใหม่ทรงพระเยาว์ และสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือการตั้งงบประมาณจำนวนมากโดยการปฏิรูประบบกองทัพและความมั่นคงของประเทศ ทั้งๆที่ไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างใดอย่างเป็นรูปเป็นธรรมเลย โดยข้ออ้างที่กลุ่มอำนาจใหม่ต้องการปฏิรูประบบกองทัพและยุทโธปกรณ์ให้เป็นไปตามยุคสมัยมากขึ้น จึงได้จัดการกับวิธีเก็บภาษีใหม่ และนำพระราชทรัพย์จากพระคลังมาใช้จ่าย แต่กลับเป็นการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือยเพื่อให้เหล่าขุนนางและเชื้อพระวงศ์ได้อยู่อย่างหรูหราสุขสบายเท่านั้น ซึ่งจากจุดนี้เองที่เริ่มนำพาประเทศเกาหลีเข้าสู่กับดักของศัตรูที่กำลังคิดจู่โจม
[แก้] สถานการณ์ในราชสำนักตอนกลางรัชกาล
เมื่อพระเจ้าโกจงเจริญพระชันษาขึ้นมาจนสามารถดูแลกิจการบ้านเมืองได้แล้ว องค์ชายแดวอนจึงต้องลงจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการ ในช่วงนี้ราชินีมิน จึงเข้ามาบริหารบ้านเมืองแทนซึ่งพระนางทรงงานได้ดี จนเหล่าขุนนางเริ่มไม่ไว้วางใจ พระนางทรงต่อต้านการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยในราชสำนักเพื่อให้ราชนิกุลและราชวงศ์อยู่อย่างสุขสบายเป็นต้นเหตุแห่งการทุจริตให้ขุนนางยักยอกเงินหลวงและอยู่อย่างสุขสบาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ขุนนางได้ปฏิบัติมายาวนานทุกยุคทุกสมัยจนเป็นเชื้อร้าย ในขณะนี้ราษฎรภายนอกอยู่อย่างอดอยาก ซึ่งพระราชวังเองก็กลายเป็นตัวอย่างให้กับคนภายนอกตามอย่างในการเบียดบังและฉ้อโกงเงินทองกันอย่างเป็นเอิกเกริก และทำให้เกิด ข้อพิพาทระหว่างราชินีมินและองค์ชายแดวอน ขึ้นและเป็นสงครามการเมืองที่ยาวนานมากในประวัติศาสตร์เกาหลี
[แก้] สถานการณ์ในราชสำนักตอนปลายรัชกาล
หลังจากราชินีมิน สิ้นพระชนม์ลง พระเจ้าโกจง ทรงเศร้าโศกโทมนัสเนอย่างยิ่ง พระองค์ทรงลี้ภัยเข้าไปอยู่ในสถานทูตรัสเซีย และทรงเก็บตัวอยู่แต่ในห้องโดยไม่พบปะใคร ซึ่งจากนั้นเป็นต้นมาพระองค์ก็อยู่ความอารักขาของรัสเซีย ที่พยายามเข้ามามีบทบาทเพื่อคานอำนาจญี่ปุ่นที่นับวันจะเข้มแข็งมากขึ้น
หลังจากญี่ปุ่นมีชัยในสงครามกับจีนแล้ว ญี่ปุ่นก็ได้ยึดดินแดนส่วนคาบสมุทรเหลียวตง หรือทางตอนเหนือของเกาหลี ทำให้ทางรัสเซียเริ่มหวาดระแวงในอำนาจของญี่ปุ่นว่าจะมาฮุบเอาเกาหลีไปได้ง่ายๆ ซึ่งจะทำให้อิทธิพลของรัสเซียยากเย็นมากขึ้น รัสเซียจึงต้องการช่วยเกาหลีโดยการรับรองความปลอดภัยของพระเจ้าโกจง และช่วยให้พระองค์กลับสู่พระราชวังโดยปลอดภัยเมื่อปี พ.ศ. 2440 และยังช่วยวางแผนให้พระองค์สถาปนาประเทศเกาหลี เป็นจักรวรรดิเกาหลี โดยมีพระองค์เป็นจักรพรรดิองค์แรกเพื่อจัดระเบียบของประเทศใหม่ นี่เป็นเกมการเมืองที่รัสเซียทำขึ้นเพื่อเป็นกำแพงต้านอำนาจญี่ปุ่น และสร้างความไม่พอใจให้กับญี่ปุ่นอย่างมาก
จนในที่สุดญี่ปุ่นก็แสดงความกระหายอำนาจที่จะยึดเกาหลีอย่างชัดเจนในปี พ.ศ. 2447 โดยการประกาศสงครามกับรัสเซีย หลังสงครามครั้งนี้ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายชนะและได้ขับไล่รัสเซียไปจากเกาหลี และเกาหลีจึงต้องยอมมาเป็นประเทศในอารักขาญี่ปุ่นในปี พ.ศ. 2448 ด้วยเหตุนี้พระเจ้าโกจงจึงไม่สามารถทำอะไรได้เลย พระองค์ทรงถูกบีบคั้นในทุกๆด้าน จนในที่สุดองค์ชายแดวอนซึ่งเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับญี่ปุ่นขึ้นมามีอำนาจแทนเพื่อรวบอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ การบีบคั้นต่อพระเจ้าโกจงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนพระองค์อาศัยเวทีประชุมสันติภาพโลกที่จัดขึ้นที่กรุงเฮกประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นการประจานถึงสิ่งต่างๆที่ญี่ปุ่นได้ทำไว้กับเกาหลีให้ชาวโลกได้รู้ และเมื่อข่าวแพร่ออกไปญี่ปุ่นถือเป็นเรื่องขายหน้ามาก จึงได้บีบบังคับให้พระเจ้าโกจงสละราชบัลลังก์เสีย จากนั้นจึงให้โอรสของพระองค์ขึ้นครองราชย์แทนคือ พระเจ้าซุนจง แต่พระเจ้าซุนจงก็เป็นเพียงกษัตริย์ในนามเท่านั้น ไม่มีพระราชอำนาจใดๆเลย อำนาจต่างๆอยู่ในมือของผู้สำเร็จราชการชาวญี่ปุ่นและองค์ชายแดวอนคนทรยศไปจนหมดสิ้น การที่ญี่ปุ่นให้ขึ้นครองราชย์ก็เพื่อเป็นหุ่นเชิดรอเวลาที่จะกลืนเกาหลีได้โดยสมบูรณ์เท่านั้นซึ่งก็เป็นเช่นนั้น
ในอีก 2 ปีต่อมาในปีพ.ศ. 2453 พระเจ้าซุนจงได้ต้องถูกถอดออกจากตำแหน่งและญี่ปุ่นก็ได้ทำการล้มล้างระบบกษัตริย์ของเกาหลีลงในปีเดียวกัน โดยผนวกเข้าเป็นมณฑลหนึ่งของญี่ปุ่น และควบคุมเชื้อสายราชวงศ์โชซอนทั้งหมดไปไว้ที่ญี่ปุ่น เพื่อเป็นตัวประกันไม่ให้สามารถคืนสู่อำนาจได้อีกเกาหลีจึงปิดฉากยุคสมัยแห่งราชวงศ์ลงอย่างถาวรในปีนั้น
[แก้] ดูเพิ่ม
รัชสมัยก่อนหน้า: พระเจ้าโชลจง |
ประมุขแห่งเกาหลี ราชวงศ์ลี พ.ศ. 2406 - พ.ศ. 2450 |
รัชสมัยถัดไป: พระเจ้าซุนจง |