สุริโยไท
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สุริโยไท เป็นภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ ดำเนินเรื่องผ่านคำบอกเล่าของ โดมิงโก ดือ ซีซัส (Domingos De Seixas) ทหารรับจ้างของชาวโปรตุเกส ผู้ซึ่งเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรอโยธยาช่วงพุทธศักราช 2067 ถึง 2092 โดยเน้นถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของตัวละครเอก คือพระสุริโยไท (สมเด็จพระสุริโยทัย) พระมเหสีของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา
เรื่องราวเหตุการณ์ของแผ่นดิน นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในพระชนม์ชีพของพระสุริโยไท ตั้งแต่พระชนมายุ 15 พรรษา นับตั้งแต่เรื่องของความรักความผูกพัน การอภิเษกสมรส การย้ายถิ่นฐานเข้าสู่ราชธานีชีวิตในราชสำนัก การดำรงรักษาสถานภาพ และเกียรติยศของพระราชวงศ์
ความเปลี่ยนแปลงอันเกิดจากการสืบทอดราชสมบัติ ผลัดแผ่นดิน สะท้อนให้เห็นถึงธรรมชาติของมนุษย์ปุถุชน ซึ่งมีทั้งความเข้มแข็ง ความอ่อนแอ ความซื่อสัตย์จงรักภักดี ความทะเยอะทะยานมักใหญ่ใฝ่สูง ความเห็นแก่ตัว การแก่งแย่งแข่งดี และการเสียสละเพื่อความอยู่รอด
หมายเหตุ จากเดิม " สุริโยทัย " เปลี่ยนเป็น " สุริโยไท " ใช้ทั้งชื่อตัวละคร และชื่อภาพยนตร์ ทั้งนี้เพื่อความเหมาะสมของภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ และเป็นคำไทยโบราณที่ใช้ในยุคสมัยนั้น
สารบัญ |
[แก้] เนื้อเรื่อง
พระสุริโยไท (รับบทวัยรุ่นโดย พิมลรัตน์ พิศลยบุตร) ทรงเจ้านายฝ่ายเหนือราชวงศ์พระร่วง ตั้งแต่พระชนมายุ 15 พรรษา ได้ทรงอภิเษกสมรสกับพระเยาวราช จากราชวงศ์สุพรรณภูมิ คือ พระเฑียรราชา (รับบทวัยรุ่นโดย วิทยา โกมลฐิติกานต์) โอรสขององค์อุปราช พระอาทิตยา (สุเชาว์ พงษ์วิไล) กับพระสนม ซึ่งครองเมืองพิษณุโลกอยู่ในเวลานั้น
เมื่อสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 (พิศาล อัครเศรณี) สิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2072 (ค.ศ. 1529) ซึ่งเป็นปีที่ดาวหางฮัลเลย์ปรากฏ พระอาทิตยาจึงได้ขึ้นครองราชย์ ทรงพระนาม หน่อพุทธางกูร (สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4) ทุกพระองค์เสด็จย้ายจากพิษณุโลกไปประทับ ณ กรุงศรีอยุยาเมืองหลวง พระเฑียรราชา (รับบทวัยหนุ่มโดย ศรัณยู วงศ์กระจ่าง) และ พระสุริโยไท (รับบทวัยสาวโดย คุณหญิง ม.ล. ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี) มีโอรสธิดาทั้งสิ้น 5 พระองค์ คือ พระราเมศวร (เกียรติศักดิ์ ศักดานุภาพ), พระมหินทร (อภิญญ์ รัชตะหิรัญ), พระบรมดิลก (ชมพูนุท เศวตวงศ์), พระสวัสดิราช (พิมลรัตน์ พิศลยบุตร) และ พระเทพกษัตรี (จีระนันท์ กิจประสาน) ประทับอยู่ ณ วังชัย ดำรงอิสริยยศเป็นพระเยาวราช
เมื่อสมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูร สิ้นพระชนม์ด้วยโรคไข้ทรพิษ พระไชยราชา (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) ผู้ซึ่งดำรงพระยศเป็นพระอุปราช ควรจะได้สืบสันตติวงศ์เป็นพระมหากษัตริย์ แต่หน่อพุทธางกูรทรงขอให้ สมเด็จพระรัษฎาธิราชกุมาร (ด.ช. ลูคัส อดัม บุญธนากิจ) พระโอรสวัย 5 พรรษา อันเกิดแต่พระอัครชายา (วรรณษา ทองวิเศษ) วัย 17 พรรษา เป็นผู้ขึ้นครองราชย์แทน ระหว่างนั้น บ้านเมืองถูกบริหารโดยขุนนางผู้ทุจริต ติดสินบนเถลิงอำนาจ โดยเฉพาะ เจ้าพระยายมราช (มีศักดิ์ นาครัตน์) บิดาของพระอัครชายา
สมเด็จพระไชยราชาธิราชจึงให้สำเร็จโทษพระรัษฏาธิราช ตามราชประเพณีโบราณ และได้ขึ้นครองราชย์ แผ่บุญญาธิการ เป็นที่ประจักษ์โดยทั่วไป ทรงออกรบปราบหัวเมืองอยู่เนืองๆ และได้แต่งตั้งพระเฑียรราชาขึ้นเป็นอุปราช ว่าราชการแทนพระองค์ อยู่ที่กรุงอโยธยา ส่วนพระมเหสีของพระไชยราชา คือ ท้าวศรีสุดาจันทร์ (ใหม่ เจริญปุระ) ได้ลักลอบมีความสัมพันธ์กับ ขุนชินราช (จอนนี่ แอนโฟเน่) ผู้ดูแลหอพระ เชื้อราชวงศ์อู่ทองด้วยกัน และได้สมคบคิดกัน ลอบวางยาพิษปลงพระชนม์พระไชยราชา พระยอดฟ้า (ด.ช. ปรมัติ ธรรมมล) พระโอรสของพระไชยราชา ที่ประสูติจาก ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ (สินจัย เปล่งพานิช) ได้ขึ้นครองราชย์แทน ในขณะที่มีพระชนม์เพียง 10 พรรษา แต่ต่อมาไม่นาน ก็ถูกท้าวศรีสุดาจันทร์ปลงพระชนม์อีกองค์หนึ่ง แล้วสถาปนาขุนชินราชขึ้นเป็นกษัตริย์ ทรงพระนามว่า ขุนวรวงศาธิราช
นับตั้งแต่สิ้นรัชกาลพระไชยราชา พระเฑียรราชาก็ได้ทรงผนวชเพื่อเลี่ยงภัย ส่วนพระสุริโยไทครองพระองค์เงียบๆ ในวัง โดยมีผู้จงรักภักดี คือ ขุนพิเรนทรเทพ (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) ขุนอินทรเทพ (อำพล ลำพูน) หมื่นราชเสน่หานอกราชการ (สรพงษ์ ชาตรี) หลวงศรียศ (ศุภกร กิจสุวรรณ) เฝ้าคุ้มกันภัยให้ ได้ร่วมกันปลงพระชนม์ขุนวรวงศา และท้าวศรีสุดาจันทร์ เสียบหัวประจานไว้ที่วัดแร้ง แล้วอัญเชิญพระเฑียรราชา ให้ลาสิกขาบทขึ้นครองราชย์แทน ทรงพระนามว่า พระมหาจักรพรรดิ (พ.ศ. 2091 - 2111 / ค.ศ. 1548 - 1568)
ระหว่างนั้นทางพม่า ประเทศเพื่อนบ้านได้รวบรวมกำลังเป็นปึกแผ่น แผ่ขยายอำนาจรุกรานไทยภายใต้พระมหากษัตริย์ ทรงพระนามว่า พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ (ศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์) และได้เดินทัพมายังอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 2091 เกิดเป็นสงครามยุทธหัตถี ที่ทุ่งมะขามหย่อง ซึ่งเป็นเหตุให้ พระสุริโยไทสิ้นพระชนม์บนคอช้าง
เรื่องจบลงด้วยสงครามยุทธหัตถี อันเป็นเรื่องราวความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญและความตายของวีรกษัตรีย์ "สุริโยไท" ที่พลีชีพเพื่อรักษาแผ่นดินไทย
[แก้] ตัวละครและผู้แสดง
- สมเด็จพระสุริโยทัย แสดงโดย คุณหญิง ม.ล.ปิยาภัสร์ ภิรมย์ภักดี
- สมเด็จพระเฑียรราชา (พระเยาวราช, พระมหาจักรพรรดิ) แสดงโดย ศรัณยู วงษ์กระจ่าง
- ขุนพิเรนทรเทพ (สมเด็จพระมหาธรรมราชา) แสดงโดย ฉัตรชัย เปล่งพานิช
- ท้าวศรีสุดาจันทร์ แสดงโดย ใหม่ เจริญปุระ
- พันบุตรศรีเทพ (ขุนชินราช, ขุนวรวงศาธิราช)แสดงโดย จอนนี่ แอนโฟเน่
- สมเด็จพระไชยราชาธิราช แสดงโดย พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง
- ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ แสดงโดย สินจัย เปล่งพานิช
- หมื่นราชเสน่หา แสดงโดย สรพงษ์ ชาตรี
- สมเด็จพระบรมราชาหน่อพุทธางกูร แสดงโดย สุเชาว์ พงษ์วิไล
- พระอัครชายา แสดงโดย วรรณษา ทองวิเศษ
- ขุนอินทรเทพ แสดงโดย อำพล ลำพูน
- หลวงศรียศ แสดงโดย ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ
- สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 แสดงโดย พิศาล อัครเศรณี
- ออกญาสวรรคโลก แสดงโดย มานพ อัศวเทพ
- พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ แสดงโดย ศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์
- พระมหาอุปราชาบุเรงนอง (พระเจ้าบุเรงนอง) แสดงโดย สหรัถ สังคปรีชา
- พระเจ้าแปร แสดงโดย รณฤทธิชัย คานเขตุ
- เมงเยสีหตู แสดงโดย สมบัติ เมทะนี
- สีหตู แสดงโดย วรุต วรธรรม
[แก้] ข้อมูลจำเพาะ
- แนว : ดราม่า / สงคราม / อิงประวัติศาสตร์
- ความยาว : 185 นาที
- กำหนดฉาย : 17 สิงหาคม พ.ศ. 2544
[แก้] ทีมสร้าง
- ผู้กำกับ : หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล
- ผู้อำนวยการสร้าง : หม่อมกมลา ยุคล
- ตัดต่อ : หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล
- ผู้กำกับกอง 2 : เปี๊ยก โปสเตอร์
- ผู้ช่วยผู้กำกับ : สุรศักดิ์ วงษ์ไทย, ปิยะลักษณ์ มหาธนทรัพย์
- คัดเลือกนักแสดง : อรชุมา ยุทธวงศ์
- ผู้กำกับภาพ : Igor Luther, Stanislav Dorsic
- ผู้จัดการกองถ่าย : คุณากร เศรษฐี
- ผู้เขียนบท : หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล
- ผู้ให้ข้อมูลด้านประวัติศาสตร์ : ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์
- ผู้ออกแบบฉาก : ประสพโชค ธนะเศรษฐวิไล
- ผู้กำกับศิลป์ : เจษฎา ผันอากาศ, ประเสริฐ โพธิ์ศรีรัตน
- ผู้กำกับดนตรี : Richard Harvey
- แผนกเสื้อผ้า : ฐิติกรณ์ ศรีชื่น, สุกัญญา มะเรืองประดิษฐ์
- ผู้บันทึกเสียง : Conrad Bradley Slater
- เทคนิคพิเศษ : The Fame Post Production Co., Ltd.
- แต่งหน้า & ออกแบบทรงผม : มนตรี วัดละเอียด
อนึ่ง ในปี พ.ศ. 2547 ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา ผู้กำกับชาวอเมริกัน ได้ตัดต่อและเพิ่มฉากใหม่เข้าไป เป็นฉบับใหม่สำหรับฉายในต่างประเทศ โดยใช้ชื่อว่า " The Legend of Suriyothai "