แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ข้อมูลส่วนตัว | ||
---|---|---|
ชื่อจริง | บุญส่ง มั่นศรี | |
ฉายา | ซ้ายสีชมพู | |
วันเกิด | 13 สิงหาคม พ.ศ. 2495 | |
สถานที่เกิด | จังหวัดเพชรบูรณ์ | |
รุ่น | ไลท์เวลเตอร์เวท เวลเตอร์เวท |
|
ผู้จัดการ | สนอง รักวาณิช | |
สถิติ | ||
ชก | 20 | |
ชนะ | 14 | |
ชนะน็อก | 11 | |
แพ้ | 6 | |
เสมอ | 0 |
แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ มีชื่อจริงว่า บุญส่ง มั่นศรี เกิดเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2495 เป็นชาวบ้านสะเดียง อ.เมือง จังหวัดเพชรบูรณ์
แสนศักดิ์ เป็นนักมวยที่มีช่วงแขนยาวกว่าปกติ หมัดซ้ายหนักโดยธรรมชาติ ก่อนจะมาชกมวยสากล เคยชกมวยไทยครั้งแรก ๆ ใช้ชื่อว่า " แสนแสบ เพชรเจริญ " หรือ " แสบทรวง เพชรเจริญ " เมื่อเข้ามาในกรุงเทพมหานครได้อยู่กับค่าย " เมืองสุรินทร์ " ของ " จอมตบ " สนอง รักวาณิชย์ และต่อมาเป็นนักมวยไทยชื่อดังในขณะนั้น เคยปะทะฝีมือกับยอดมวยไทยร่วมสมัยหลายคน เช่น ศิริมงคล ลูกศิริพัฒน์, พุฒ ล้อเหล็ก, คงเดช ลูกบางปลาสร้อย, พุดพาดน้อย วรวุฒิ เป็นต้น และเคยเป็นแชมป์มวยไทยรุ่นจูเนียร์เวลเตอร์เวท (140 ปอนด์) ของเวทีลุมพินี
แสนศักดิ์ เคยชกมวยสากลสมัครเล่นในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ครั้งที่ 7 โดยชนะน็อกรวดทุกครั้ง จนได้ครองเหรียญทอง
และจากการที่ชกสากลชนะน็อกรวดอย่างนี้ ทำให้ " พญาอินทรี " เทียมบุญ อินทรบุตร วางแผนร่วมกับสนอง รักวาณิชย์ ให้แสนศักดิ์ชกเพียง 3 ครั้งได้เป็นแชมป์โลก เพราะมั่นใจในพลังหมัด เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหมัดซ้าย ที่เรียกกันว่า " บันได 3 ขั้น " ซึ่งสถิติการชกเพียงระยะสั้นแค่นี้ กลายเป็นสถิติโลกมาจนปัจจุบัน แสนศักดิ์ได้แชมป์โลกในรุ่นไลท์เวลเตอร์เวท สภามวยโลก (WBC) ในการชกครั้งที่ 3 โดยชนะน็อก เปริโก้ เฟอร์นันเดซ นักมวยชาวสเปนในปี พ.ศ. 2518 แต่แสนศักดิ์ป้องกันตำแหน่งแชมป์ไว้ได้เพียงครั้งเดียว โดยการเอาชนะน็อก ไลอ้อน ฟูรูยาม่า นักมวยชาวญี่ปุ่นเท่านั้น จากนั้นได้ไปป้องกันตำแหน่งกับ มิเกล เวลาเควซ นักมวยชาวสเปน ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน แสนศักดิ์ถูกจับแพ้ฟาล์วในยกที่ 4 เนื่องจากไปชกเวลาเควซล้มลงในช่วงระฆังตีบอกยกหมดเวลา เสียแชมป์โลกทันที ฝ่ายไทยพยายามประท้วงแต่ก็ไม่เป็นผล
อีก 4 เดือนต่อมา แสนศักดิ์จึงได้โอกาสแก้มือที่ประเทศสเปนอีกครั้ง คราวนี้ แสนศักดิ์เป็นฝ่ายชนะน็อกไปเพียงแค่ยกที่ 2 ได้กลับมาเป็นแชมป์โลกในสมัยที่ 2 จากนั้น แสนศักดิ์ได้ป้องกันตำแหน่งไว้ได้หลายต่อหลายครั้ง และบางครั้งเป็นไฟต์แห่งความทรงจำที่ยังคงตรึงใจแฟนมวยอยู่จนทุกวันนี้ เช่น ชนะน็อก มอนโร บรู๊คส์ นักมวยชาวอเมริกันไปอย่างสุดมัน ในยกที่ 15 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ชนะคะแนน ซาอูล แมมบี้ นักมวยชาวอเมริกันอีกคนที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นต้น
แสนศักดิ์ เสียแชมป์โลกในการป้องกันตำแหน่งครั้งที่ 8 ของสมัยที่ 2 กับ คิม ซาง ฮัน นักมวยชาวเกาหลีใต้ เมื่อปลายปี พ.ศ. 2521 ถึงกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ถิ่นของผู้ท้าชิงเอง โดยแพ้น็อกไปในยกที่ 13 เนื่องจากสภาพร่างกายของแสนศักดิ์ไม่แข็งแกร่งเหมือนเก่า และสายตาก็เริ่มมีปัญหา จากนั้นแสนศักดิ์ได้ไปชกนอกรอบที่ประเทศฟิลิปปินส์ก็แพ้นักมวยเจ้าถิ่นอีก และอีก 3 เดือนต่อมา ก็บินไปชกที่สหรัฐอเมริกากับ โธมัส เฮิร์นส์ ซึ่งเป็นดาวรุ่งในขณะนั้น ซึ่งแสนศักดิ์ไม่อาจสู้อะไรเฮิร์นส์ได้เลย เป็นฝ่ายแพ้น็อกไปในยกที่ 3 แสนศักดิ์ชกมวยครั้งสุดท้ายในปี พ.ศ. 2524 ที่จังหวัดร้อยเอ็ด โดยเป็นโปรโมเตอร์จัดการแข่งขันเอง โดยเป็นการชิงแชมป์ภาคตะวันออกไกลและแปซิฟิก (OPBF) กับนักมวยชาวเกาหลีใต้ แต่ก็แพ้คะแนนขาดลอยอีก จึงต้องแขวนนวมไปในที่สุด
[แก้] ชีวิตของแสนศักดิ์
แสนศักดิ์ เมืองสุรินทร์ มีชื่อที่แฟนมวยรู้จักว่า " ไอ้แสบ " และมีฉายาที่ตัวเองตั้งว่า " ซ้ายสีชมพู " ซึ่งฟังดูขัดกับสิ่งที่ตัวเองเป็น โดยเจ้าตัวบอกว่า ต้องการให้ดูน่ารัก คลายความดุดัน แสนศักดิ์ เป็นคนมีบุคคลิกเฮฮา มีสีสัน ช่วงที่เเสนศักดิ์เป็นแชมป์โลก นับได้ว่าเป็นซุปเปอร์สตาร์ชื่อดังคนนึงไม่ต่างอะไรกับพระเอกหนังเลยทีเดียว เช่น ไม่ว่าจะทำอะไรหรือไปป้องกันตำแหน่งที่ไหน นักข่าวโดยเฉพาะ หนังสือพิมพ์ต้องตามไปทำข่าวถึงที่นั่น เล่ากันว่าถึงขนาดจับเครื่องบินกลับกรุงเทพ ฯ ส่งต้นฉบับแทบไม่ทันเลยทีเดียว เรื่องนี้เป็นที่รู้กันดีในหมู่นักข่าวร่วมสมัย
การที่เป็นคนเฮฮาแบบนี้ ทำให้แสนศักดิ์ ได้ภรรยาคนแรกในชีวิตคือ " ปริม ประภาพร " ดาราสาวดาวยั่วชื่อดังในสมัยนั้น และมีลูกชายที่เกิดกับภรรยาคนนี้ ชื่อ " เกรียงศักดิ์ " ซึ่งแสนศักดิ์เป็นคนตั้งเอง โดยให้ตรงกับชื่อนายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น (พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์) และมีชื่อเล่นว่า " คิง "
แต่ปัจจุบัน แสนศักดิ์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบาก ต้องรอรับเงินช่วยเหลือจากสภามวยโลก (WBC) เดือนละ 200 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 8,000 บาท) เพราะนับจากเสียแชมป์โลกครั้งสุดท้ายไปแล้ว เงินทองที่เคยมีอยู่นับ 10 ล้านที่เคยเก็บหอมรอบริบจากการชกมวยก็ร่อยหรอ ผู้จัดการที่ปลุกปั้นมา คือ " สนอง รักวาณิช " ก็เสียชีวิต กลุ่มผู้สนับสนุนก็ทะยอย ๆ จากไป หนำซ้ำยังโดนหลอกจากเพื่อนฝูงและคนรู้จัก รวมถึงคนในวงการมวยด้วย (เป็นข้อมูลที่แสนศักดิ์เป็นผู้บอกเอง) การชกครั้งท้าย ๆ ของแสนศักดิ์ เจ้าตัวถึงขนาดลงทุนเป็นโปรโมเตอร์เอง ซึ่งก็ขาดทุนอีก เคยลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎร ที่เพชรบูรณ์ บ้านเกิด ก็ไม่ได้รับเลือก ตาข้างซ้ายที่มีปัญหามานาน ก็บอดสนิทในที่สุด ภรรยาก็ทิ้งไป เหลือไว้เพียงลูกชายคนเดียว