โยเซฟ (พระธรรมปฐมกาล)
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
![]() |
บทความนี้ต้องการตรวจสอบความถูกต้องจากผู้เชี่ยวชาญ หากคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญ หรือมีความรู้เกี่ยวกับบทความนี้ สามารถช่วยปรับปรุงเนื้อหาได้โดยการกด แก้ไข ด้านบน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ การจัดย่อหน้า คู่มือการเขียน การอ้างอิง และ นโยบายวิกิพีเดีย |
โยเซฟ (Joseph) เป็นบุตรชายคนที่ 11 ของยาโคบ กับนางราเชล โยเซฟเป็นบุตรคนสุดท้ายของยาโคบ ที่เกิดในเมืองปัดดานอาร้ม โยเซฟมักนำเอาความผิดของพี่ ๆ ไปบอกบิดา จึงถูกพี่ ๆ ชัง และอิจฉา จึงถูกขายไปยังอียิปต์ และภายหลังโยเซฟได้มีโอกาสถวายงานให้ฟาโรห์จนได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้ปกครองอียิปต์ และได้ช่วยให้อิสราเอลได้เข้าไปพำนักในอียิปต์ช่วงที่เกิดการกันดารอาหาร
สารบัญ |
[แก้] ชีวิตวัยเด็ก
โยเซฟ เป็นบุตรคนที่ 11 ของยาโคบ และนางราเชล เดิมทีนางราเชลเป็นหมัน จนกระทั่งเมื่อพระเจ้าทรงสดับฟังเสียงของนาง ภายหลังจากยาโคบมีบุตรกับภรรยาอื่น ไปแล้วถึง 10 คน นางราเชลจีงได้รับพระพรจากพระเจ้าให้ตั้งครรภ์ นางจึงตั้งชื่อลูกชายคนแรกของนางว่า โยเซฟ[1] เพราะพระเจ้าทรงโปรดเพิ่มบุตรชายให้แก่นาง[2] ครั้นเมื่อยาโคบย้ายไปอยู่ในแผ่นดินคานาอันแล้ว ยาโคบรักโยเซฟมากเนื่องจากโยเซฟเกิดมาเมื่อท่านมีอายุมากแล้ว โยเซฟมักนำความผิดของพี่ ๆ ไปบอกแก่บิดา จึงถูกชัง ถูกอิจฉา และพูดดีกับเขาไม่ได้
เมื่ออายุ 17 ปี โยเซฟตามพวกพี่ ๆ ไปเลี้ยงแกะที่เมืองเชเคม พวกพี่ชายคิดจะฆ่าเขา แต่รูเบนได้ช่วยพูดไว้ โยเซฟจึงถูกขายให้เป็นทาสในประเทศอียิปต์ ฝ่ายพี่ ๆ นำเสื้อผ้าของโยเซฟไปจุ่มเลือดแกะ และบอกบิดาว่า พบเสื้อของโยเซฟระหว่างทาง ทำให้ยาโคบเข้าใจว่าโยเซฟตายแล้ว[3]
[แก้] โยเซฟกับโปทิฟาร์
เมื่อโยเซฟถูกขายไปยังอียิปต์นั้น โปทิฟาร์ ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ของฟาโรห์ ได้ซื้อโยเซฟไว้ โยเซฟรับใช้ถูกใจโปทิฟาร์ จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ดูแลการงานในบ้าน และมอบทรัพย์สิ่งของทั้งปวงไว้ในความดูแลทั้งหมด และโยเซฟมิเคยแตะต้องทรัพย์สมบัติของโปทิฟาร์เลย
ด้วยเป็นหน้าตาดี ภรรยาของโปทิฟาร์จึงมองด้วยความปฏิพัทธ์ เมื่อสบโอกาสที่ไม่มีใครอยู่ในบ้าน นางจึงชวนโยเซฟให้ร่วมหลับนอนกับนาง แต่โยเซฟสามารถหลบเลี่ยงได้ทุกครั้ง จนกระทั่งวันหนึ่งนางคว้าเสื้อผ้าของโยเซฟไว้ได้ จึงแจ้งแก่โปทิฟาร์ว่าโยเซฟปลุกปล้ำตนเอง จึงนำโยเซฟไปจำไว้ที่คุกหลวงโดยมิได้ไต่สวนแต่อย่างใด
[แก้] โยเซฟแก้ความฝันนักโทษ
เมื่อโยเซฟไปอยู่ในคุกหลวง พระเจ้าก็ยังทรงอยู่กับเขา เป็นเหตุให้พัศดีเมตตา และมอบนักโทษทั้งปวงที่ในเรือนจำให้อยู่ในความดูแลของเขา ต่อมาหัวหน้าพนักงานน้ำองุ่น และหัวหน้าพนักงานขนมขององค์ฟาโรห์ทำผิด และถูกส่งมาอยู่ในคุกหลวงนี้ โยเซฟจึงได้รับคำสั่งให้ปรนนิบัติทั้งสองคน คืนหนึ่งทั้งสองคนฝันกันคนละเรื่อง คนละความหมาย แต่ไม่มีผู้ใดแก้ความฝันให้ได้ โยเซฟจึงขอแก้ฝันให้
ความฝันของหัวหน้าพนักงานน้ำองุ่นมีว่า เขาฝันเห็นเถาองุ่นตรงหน้า เถาองุ่นนั้นมี 3 กิ่ง พองอกใบอ่อนดอกตูม ก็มีดอกบานออกมา และช่อองุ่นก็สุก พนักงานคนดังกล่าวก็นำจอกของฟาโรห์มาและบีบลูกองุ่นนั้นลงในจอก และวางจอกองุ่นนั้นในพระหัตถ์ของฟาโรห์ ซึ่งโยเซฟก็แก้ความฝันได้ว่า ฟาโรห์จะยกตำแหน่งคืนให้แก่หัวหน้าพนักงานน้ำองุ่นภายใน 3 วัน ก็เป็นดังนั้น
ความฝันของพนักงานขนมมีว่า เขาเห็นกระจาด 3 ใบตั้งอยู่บนศรีษะของตน ใบกระจาดมีขนมสารพัดสำหรับฟาโรห์ แล้วมีนกมาจิกกินขนมในกระจาดนั้น โยเซฟก็แก้ความฝันว่าภายใน 3 วัน หัวหน้าพนักงานขนมจะถูกประหาร และนำร่างไปแขวนไว้ที่ต้นไม้ให้นกกากิน ก็เป็นดังนั้น
[แก้] โยเซฟแก้พระสุบินฟาโรห์
หลังจากเหตุการณ์ที่โยเซฟทำนายฝันในคุกผ่านไป 2 ปี ฟาโรห์ทรงมีพระสุบิน 2 เรื่องที่แตกต่างกัน และเมื่อทรงเรียกโหร และปราชญ์ทั้งปวงมาเฝ้า ก็ไม่มีผู้ใดสามารถแก้พระสุบินได้เลย พระสุบินของฟาโรห์ทั้งสองเรื่องเป็นดังนี้
เรื่องที่ 1 ฟาโรห์ทรงประทับยืนริมฝั่งแม่น้ำไนล์ ก็มีโคอ้วนพีเจ็ดตัวขึ้นมาจากแม่น้ำ ยืนกินใบอ้ออยู่ แล้วก็มีโคอีกเจ็ดตัวตามขึ้นมาจากแม่น้ำ แต่เป็นวัวที่ไม่งาม ซูบผอมมาก วัวทั้งเจ็ดตัวนี้ก็กินวัวอ้วนพีทั้งหมด และเมื่อกินเข้าไปแล้ววัวทั้งเจ็ดตัวก็ไม่ได้อ้วนขึ้นแต่อย่างใด
เรื่องที่ 2 ฟาโรห์ทรงเห็นต้นข้าว 1 ต้น มีรวงข้าวงอกออกมา 7 รวง แต่ละเมล็ดเต่ง และงามดี ต่อมามีรวงข้าวงอกออกมาอีก 7 รวง เป็นข้าวเหี่ยวลีบ และเกรียมเพราะลมตะวันออก รวงข้างลีบก็กลืนกินรวงข้าวดีทั้งหมดไปเสียสิ้น
เมื่อโยเซฟได้ฟัง ก็ทำนายฝันว่า ทั้งสองเป็นเรื่องเดียวกัน นั่นคือ ประเทศอียิปต์จะมีอาหารบริบูรณ์ทั่วประเทศ เป็นเวลา 7 ปี หลังจากนั้นจะเกิดการกันดารอาหารใหญ่เป็นเวลา 7 ปี จนประชาชนจะลืมความบริบูรณ์ใน 7 ปีแรกเสียสิ้น และเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้นี้ โยเซฟยังได้เสนอแนะให้ฟาโรห์แต่งตั้งบุคคลที่มีปัญญา และเป็นคนดีมาเป็นผู้ปกครองอียิปต์ และเก็บผลผลิตในตลอด 7 ปีที่อุดมสมบูรณ์นี้ไว้เพื่อใช้ใน 7 ปีที่ทุรกันดาร ฟาโรห์จึงทรงแต่งตั้งโยเซฟให้เป็นผู้ปกครองอียิปต์ตั้งแต่นั้นมา[4]
[แก้] โยเซฟพบกับพี่ชาย
เมื่อเกิดการกันดารอาหารอย่างหนักตามอย่างที่โยเซฟทำนายฝันให้องค์ฟาโรห์นั้น แต่อียิปต์มีอาหารอุดมสมบูรณ์เนื่องจากโยเซฟได้เก็บอาหารไว้มากมายตามหัวเมืองต่าง ๆ[5] เช่นเดียวกันในคานาอัน ก็เกิดการกันดารอาหารขึ้น เมื่อยาโคบทราบว่า มีข้าวในอียิปต์จึงให้ลูก ๆ ไปซื้อข้าวจากที่นั่น แต่ไม่ให้เบนยามินไปด้วย[6]
เมื่อบรรดาบุตรชายของยาโคบเดินทางไปซื้อข้าว โยเซฟ เป็นผู้ขายข้าวและจำพี่ ๆ ได้ แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้จ้ก และจับพวกพี่ ๆ ขังคุกไว้โดยให้ข้อหาว่าเป็นพวกสอดแนม เมื่อผ่านไป 3 วัน จึงได้จับสิเมโอนไว้ และให้พี่ ๆ ที่เหลือไปนำน้องคนสุดท้องมาเพื่อยืนยันว่ามิได้เป็นพวกสอดแนมจริง แล้วปล่อยพวกพี่ ๆ ที่เหลือกลับไปพร้อมข้าวและเงินค่าข้าวที่ได้รับมา[7]
ครั้นกลับมาถึงคานาอัน บรรดาลูก ๆ ก็แจ้งต่อยาโคบถึงเรื่องที่ได้เจอในอียิปต์ และเรื่องของสิเมโอนที่ถูกจับกุมไว้ ทั้งเรื่องที่ต้องนำตัวเบนยามินด้วย แต่ยาโคบรักเบนยามิน จึงไม่ยอมให้เขาไป พวกลูก ๆ จึงรั้งอยู่ที่คานาอัน จนกระทั่งข้าวที่ซื้อมาใกล้หมดลง ยาโคบจึงใช้ให้ลูก ๆ ไปซื้อข้าวจากอียิปต์อีกครั้ง แต่ลูก ๆ แจ้งว่าต้องนำตัวเบนยามิน ไปด้วย สุดท้ายยาโคบจึงยอมให้เบนยามินไปกับพวกพี่ ๆ พร้อมทั้งได้จัดผลผลิตอย่างดีที่สุดของคานาอัน พร้อมด้วยเงินมากกว่าครั้งก่อนไปด้วย เพื่อมอบให้แก่เจ้านายอียิปต์[8]
ครั้นเมื่อพวกพี่ ๆ เดินทางไปถึงอียิปต์ โยเซฟจึงให้เชิญไปร่วมรับประทานอาหารที่บ้าน พร้อมทั้งได้ปล่อยตัวสิเมโอนออกมา และจัดข้าวบรรจุกระสอบให้พวกพี่ แต่สั่งให้คนรับใช้นำจอกเงินของตนใส่ในปากกระสอบของเบนยามินด้วย ครั้นเมื่อพวกลูก ๆ ของยาโคบเดินทางกลับ โยเซฟจึงให้คนตามไปและแจ้งว่ามีผู้ขโมยจอกเงินมา เมื่อค้นจึงเจอในกระสอบของเบนยามิน ทั้งหมดจึงกลับไปยังบ้านโยเซฟอีกครั้ง และในครั้งนี้เองโยเซฟจึงได้เผยตัวให้พี่ ๆ ได้รู้ และข่าวญาติ ๆ ของโยเซฟมาก็ไปถึงพระกรรณฟาโรห์ จึงรับสั่งให้จัดรถไปรับครอบครัวของโยเซฟมาอยู่ ณ เมืองโกเชน ประเทศอียิปต์ด้วยกัน[9]
[แก้] ยาโคบเดินทางไปอียิปต์
เมื่อยาโคบเดินทางไปอียิปต์นั้น ฟาโรห์ทรงให้คนในครอบครัวของยาโคบเป็นหัวหน้ากองเลี้ยงสัตว์ของอียิปต์ และให้อยู่ในเมืองที่ดีที่สุดในประเทศอียิปต์ โยเซฟจึงมอบให้บรรดาอิสราเอลอยู่ในเมืองราเมเสส เมื่อเดินทางมายังอียิปต์นั้น ครอบครัวของยาโคบ ไม่นับรวมภรรยาของลูก ๆ เป็นจำนวน 66 คน และเมื่อนับรวมกับโยเซฟที่อยู่ในอียิปต์แล้ว อิสราเอลเดินทางเข้าอียิปต์ในเวลานั้นเพียง 70 คน[10]
ยาโคบได้อาศัยอยู่ในอียิปต์ จนวาระสุดท้ายของท่าน แต่เมื่อท่านเสียชีวิตนั้น ท่านให้นำร่างของท่านไปฝังในอุโมงค์ ในดินแดนคานาอันรวมกับบรรพบุรุษของท่าน ฝ่ายโยเซฟนั้นอยู่ได้ถึงอายุ 110 ปี และก่อนท่านสิ้นใจนั้น ได้บอกแก่บรรดาพี่น้องของท่านว่า "...พระเจ้าคงจะทรงเยี่ยมเยียนพวกท่านและพาออกไปจากประเทศนี้...แล้วท่านต้องนำกระดูกของเราไปจากที่นี่"[11]
[แก้] คำพยากรณ์ของยาโคบที่มีต่อโยเซฟ
ก่อนยาโคบจะเสียชีวิต ได้กล่าวคำพยากรณ์ที่มีต่อบุตรชายทั้ง 12 คนของเขา ซึ่งจะกล่าวถึงลักษณะของเผ่าทั้ง 12 เผ่าของอิสราเอลในอนาคต ดังนี้
- โยเซฟเป็นกิ่งที่เกิดผล เป็นกิ่งที่เกิดผลอยู่ริมน้ำพุ มีกิ่งพาดข้ามกำแพง
พวกทหารธนูโจมตีเขาอย่างโหดร้าย ทั้งยิงและข่มขู่เขา - แต่ธนูของเขาเองยืนหยัดต่อสู้ ลำแขนของเขามีกำลังขึ้น
- โดยพระหัตถ์ของพระผู้ทรงเดชานุภาพของยาโคบ (โดยพระนามของผู้เลี้ยงแกะคือศิลาแห่งอิสราเอล)
- โดยพระเจ้าของบิดาเจ้าผู้ทรงช่วยเจ้า โดยพระเจ้าองค์ทรงศักดานุภาพใหญ่ยิ่ง ผู้ทรงอวยพระพรแก่เจ้า
- ด้วยพระที่มาจากฟ้าเบื้องบน พรที่มาจากใต้ทะเลเบื้องล่าง พรที่มาจากนมและครรภ์
- ส่วนพรที่มาจากบิดาของเจ้า ศักดิ์สิทธิ์มากกว่าพรที่มาจากภูเขาถาวร คือจากความสมบูรณ์แห่งเนินเขาเนืองนิตย์
- ขอพรเหล่านั้นอยู่บนศรีษะของโยเซฟ และอยู่เบื้องบนหน้าผากของผุ้ที่ต้องพรากจากพี่น้อง[12]
[แก้] พงศ์พันธุ์ของโยเซฟ
โยเซฟ แต่งงานกับนางอาเสนัท บุตรีของโปทิเฟรา ปุโรหิตเมืองโอน มีบุตรชาย 2 คน ได้แก่ มนัสเสห์[13] และเอฟราอิม[14] ในพระคริสตธรรมคัมภีร์มักจะไม่เรียกลูกหลานของโยเซฟ ว่า เป็นเผ่าโยเซฟ แต่จะแบ่งลูกหลานของโยเซฟออกเป็น 2 เผ่า ตามชื่อบุตรชายของท่าน โดยเฉพาะในช่วงการแบ่งการปกครองในพระธรรมอพยพ และการแบ่งดินแดนคานาอันในสมัยของโยชูวา
[แก้] คำอวยพรของยาโคบต่อมนัสเสห์ และเอฟราอิม
ก่อนยาโคบจะเสียชีวิต โยเซฟได้นำมนัสเสห์ และเอฟราอิม ไปหาบิดา ยาโคบได้อวยพรแก่บุตรทั้งสองของโยเซฟ โดยบอกว่า "...บุตรทั้งสองของโยเซฟที่เกิดในประเทศอียิปต์ก่อนยาโคบจะมาพบ ก็เสมือนเป็นบุตรของยาโคบ เช่นเดียวกับบุตรคนอื่น ๆ ของยาโคบ ส่วนบุตรคนอื่น ๆ ของโยเซฟ จะได้ชื่อตามมนัสเสห์ และเอฟราอิม..."[15] และยังบอกอีกว่า "...อย่างไรก็ดี น้องชายจะใหญ่โตกว่าพี่ชาย และพงศ์พันธุ์ของน้องนั้นจะได้เป็นคนหลายประชาชาติด้วยกัน..." ด้วยเหตุนี้ อิสราเอลจึงยกให้มนัสเสห์ และเอฟราอิม เป็นเผ่าเทียบเท่าบุตรคนอื่น ๆ ของยาโคบนั่นเอง
[แก้] อ้างอิง
- ↑ แปลว่า พระองค์ทรงเพิ่ม
- ↑ พระธรรมปฐมกาล บทที่ 30 ข้อ 22-24
- ↑ พระธรรมปฐมกาลบทที่ 37
- ↑ พระธรรมปฐมกาล บทที่ 41
- ↑ พระธรรมปฐมกาล บทที่ 41 ข้อที่ 46-47
- ↑ พระธรรมปฐมกาล บทที่ 42 ข้อที่ 1-5
- ↑ พระธรรมปฐมกาลบทที่ 42
- ↑ พระธรรมปฐมกาล บทที่ 43
- ↑ พระธรรมปฐมกาล บทที่ 44-47
- ↑ พระธรรมปฐมกาลบทที่ 47
- ↑ พระธรรมปฐมกาล บทที่ 50
- ↑ พระธรรมปฐมกาล บทที่ 49 ข้อ 22-26
- ↑ แปลว่าการทำให้ลืม
- ↑ แปลว่ามีลูกดก
- ↑ พระธรรมปฐมกาล บทที่ 48
[แก้] ดูเพิ่ม
บุตรของยาโคบ ตามชื่อภรรยา (ญ = บุตรสาว) (ตัวเลขในวงเล็บคือลำดับของการเกิด) |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เลอาห์ | รูเบน (Reuben) (1) | สิเมโอน (Simeon) (2) | เลวี (Levi) (3) | ดีนาห์ (Dinah) (ญ) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ยูดาห์ (Judah) (4) | อิสสาคาร์ (Issachar) (9) | เศบูลุน (Zebulun) (10) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ราเชล | โยเซฟ (Joseph) (11) | เบนยามิน (Benjamin) (12) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เอฟราอิม บุตรโยเซฟ (11.1) | มนัสเสห์ บุตรโยเซฟ (11.2) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
บิลลาห์ (สาวใช้นางราเชล |
ดาน (Dan) (5) | นัฟทาลี (Naphtali) (6) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ศิลปาห์ (สาวใช้นางเลอาห์) |
กาด (Gad) (7) | อาเชอร์ (Asher) (8) |