ตราสัญลักษณ์ งานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๔๙
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ตราสัญลักษณ์ งานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๔๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานตราสัญลักษณ์ สำหรับงานเฉลิมฉลองอันเป็นมหามงคลยิ่งนี้ จากการทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายแบบ โดยรัฐบาล เพื่อทรงเลือกแบบที่เหมาะสมดังกล่าว
สารบัญ |
[แก้] ความหมายของตราสัญลักษณ์ งานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี
อักษรพระปรมาภิไธยย่อ ภปร สีเหลืองนวลทอง อันเป็นสีประจำพระชนมวาร ขลิบรอบตัวอักษรด้วยสีทอง บนพื้นสีน้ำเงินเจือทอง อันเป็นสีประจำพระราชวงศ์
ล้อมด้วยเพชร อันเป็นเอกแห่งรัตนะ หมายความว่า เหล่านักปราชญ์ ราชกวีสำคัญ อีกบรรดาช่างอันมีชื่อ พระยาช้างสำคัญ นางงาม เหล่าทแกล้วทหาร ข้าราชบริพาร อันยอดฝีมือ ในการปฏิบัติราชการอย่างสุจริตยิ่ง
เหล่านี้ เปรียบด้วยเพชร อันมีชื่อว่ารัตนะ แวดล้อมประดับพระเกียรติยศ แห่งพระมหากษัตริยาธิราชพระองค์นั้น อันเหนือยิ่งกว่าเพชร อันได้ชื่อว่ารัตนะทั้งปวง คือพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงสถิตเป็นเพชรอันยอดค่ายิ่งในดวงใจราษฎร์ ทรงบำบัดทุกข์ผดุงสุข เป็นที่พึ่งอันเกษมสุขร่มเย็นแก่ปวงพสกนิกร ซึ่งต่างเชื้อชาติศาสนา ในพระราชอาณาจักรของพระองค์
อนึ่ง อักษรพระปรมาภิไธยย่อ ภปร นี้ ประดิษฐานบนพระที่นั่งภัทรบิฐ ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎประกอบพระอุณาโลม - แวดล้อมด้วยพระแสงขรรค์ชัยศรี และพระแส้หางช้างเผือก ทอดสอดอยู่ในกงพระที่นั่งภัทรบิฐเบื้องซ้ายแห่งพระมหาพิชัยมงกุฎ - มีธารพระกร และพัชนีฝักมะขาม ทอดสอดอยู่เบื้องขวาแห่งกงพระที่นั่งภัทรบิฐ อันประดิษฐานบนฐานเขียง ซึ่งทอดฉลองพระบาทประดิษฐานอยู่
เหล่านี้รวมเรียกว่า เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ ประกอบด้วยสิ่งอันแสดงความเป็นกษัตริย์ทั้ง ๕ คือ พระมหาพิชัยมงกุฎ พระแสงขรรค์ชัยศรี ธารพระกร พัดวาลวิชนี และ พระแส้ และ ฉลองพระบาท อันมีความหมายถึง ปีแห่งการเฉลิมฉลองสิริราชสมบัติ
ล่างลงมา เป็นแพรแถบสีชมพูขลิบทอง เขียนอักษรสีทอง ความว่า “ฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๔๙” ปลายแห่งแพรแถบ ผูกเป็นภาพกระบี่ธุช เป็นวานรภายขาว มือถือก้านลายซุ้ม อันเป็นกรอบลายของตราสัญลักษณ์ฯ อยู่ด้านขวา ส่วนด้านซ้ายปลายแพรแถบ ผูกเป็นภาพพระครุฑพ่าห์ เป็นครุฑหน้าขาว กายสีเสนปนทอง มือถือก้านลายกรอบแห่งตราสัญลักษณ์ฯ
พื้นภาพตราสัญลักษณ์ฯ ทั้งหมดสีเขียวปนทอง อันหมายถึง สีอันเป็นเดชแห่งวันพระบรมราชสมภพ และยังหมายถึง สีของความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ แห่งผืนภูมิประเทศ ที่ทรงปกครองทำนุบำรุงอย่างหนักยิ่ง มาตลอดระยะเวลาที่ทรงครองสิริราชสมบัติมา
ณ บัดนี้ ถึงมหามงคลสมัย ที่จะเฉลิมฉลองพระเกียรติ ในการครองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี อันยาวนานที่สุด ยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์องค์ใด ในพระราชพงศาวดาร ในสยามประเทศ
[แก้] ข้อปฏิบัติการขอใช้ตราสัญลักษณ์ฯ และการประดับธงกับตราสัญลักษณ์ฯ
เนื่องในมหามงคลสมัย การจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานภาพตราสัญลักษณ์งานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๔๙ และรัฐบาลโดยคณะกรรมการอำนวยการจัดงาน งานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๔๙ ได้กำหนดการขอใช้ตราสัญลักษณ์และการประดับธงกับตราสัญลักษณ์ งานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๔๙ ดังนี้
- ๑. กรณีที่หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป มีความประสงค์ นำตราสัญลักษณ์ไปใช้ในการจัดทำสิ่งของใด ๆ ก็ตาม ให้แจ้งสำนักราชเลขาธิการ เพื่อพิจารณาคำขออนุญาต
- ๒. โครงการและกิจกรรมที่ผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบเป็นโครงการและกิจกรรมร่วมเฉลิมพระเกียรติจากคณะกรรมการอำนวยการจัดงาน งานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๔๙ แล้ว สามารถนำตราสัญลักษณ์ฯ ไปใช้ในโครงการและกิจกรรมได้เลย โดยให้แจ้งสำนักราชเลขาธิการทราบ เพื่อรวบรวมบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ ยกเว้น โครงการและกิจกรรมที่ดำเนินการเพื่อก่อให้เกิดรายได้ จะต้องได้รับการพิจารณาจากสำนักราชเลขาธิการก่อน
- ๓. ให้ประดับธงชาติไทยคู่กับธงผืนผ้าสีเหลืองที่มีตราสัญลักษณ์ฯ บนผืนผ้า และประดับตราสัญลักษณ์ฯ ตามอาคารบ้านเรือน และสถานที่ของหน่วยงาน เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดี โดยไม่ต้องขออนุญาตจากสำนักราชเลขาธิการ ทั้งนี้ให้ประดับในระยะเวลาของการจัดงาน งานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี พุทธศักราช ๒๕๔๙ โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๙
[แก้] บทความที่เกี่ยวข้อง
[แก้] ดูเพิ่ม
- พระราชพิธีรัชดาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๑๔
- ตราสัญลักษณ์พระราชพิธีรัชดาภิเษก
- พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๓๐
- พระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก ๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๓๑
- พระราชพิธีกาญจนาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๓๙
- พระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๒