การถอดถอนจากตำแหน่ง
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
การถอดถอนจากตำแหน่ง (อังกฤษ: impeachment) คือ กลไกสำคัญอันหนึ่งที่ควบคุมการใช้อำนาจของฝ่ายบริหาร เปิดโอกาสให้มีการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้พ้นจากตำแหน่งก่อนเวลาอันควร เนื่องจากผู้นั้นได้กระทำผิด ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงขณะดำรงตำแหน่งหน้าที่ โดยไม่สามารถปล่อยให้ดำรงตำแหน่งต่อไปได้ อันจะนำมาซึ่งภยันตรายต่อประเทศชาติและประชาชน
สารบัญ |
[แก้] ประเทศไทย
ก่อนที่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 จะบังคับใช้ รัฐธรรมนูญทุกฉบับก่อนหน้านั้นได้มีมาตรการในการตรวจสอบควบคุมสมาชิกรัฐสภา ให้สมาชิกสภาใดสภาหนึ่งสามารถร้องขอต่อประธานของสภาที่ตนเป็นสมาชิก ในการวินิจฉัยให้สมาชิกผู้ทำความผิดพ้นจากตำแหน่งได้
รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ระบุว่าเหตุที่สามารถใช้ร้องขอให้ถอดถอนจากตำแหน่ง ได้แก่ การมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรรมนูญหรือกฎหมาย
[แก้] ตำแหน่งที่อาจถูกร้องขอให้ถอดถอน
รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเปิดโอกาสให้ยื่นถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งต่อไปนี้
- นายกรัฐมนตรี
- รัฐมนตรี
- สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
- สมาชิกวุฒิสภา
- ประธานศาลฎีกา
- ประธานศาลรัฐธรรมนูญ
- ประธานศาลปกครองสูงสุด
- อัยการสูงสุด
- กรรมการการเลือกตั้ง
- ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา
- ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
- กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
- ผู้พิพากษาหรือตุลาการ พนักงานอัยการหรือผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง ตามที่กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตกำหนด
[แก้] ผู้ที่สามารถร้องขอให้ถอดถอนจากตำแหน่ง
ผู้ที่สามารถร้องขอให้มีการถอดถอน คือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร หรือประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนไม่น้อยกว่า 50,000 คน มีสิทธิเข้าชื่อร้องขอต่อประธานวุฒิสภา เพื่อขอให้ถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่ง นอกจากนี้ สมาชิกวุฒิสภาจำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของจำนวนทั้งหมดในวุฒิสภา มีสิทธิเข้าชื่อร่วมขอต่อประธานวุฒิสภา เพื่อให้วุฒิสภาถอดถอนสมาชิกวุฒิสภาผู้ใดผู้หนึ่งออกจากตำแหน่งได้
[แก้] ขั้นตอนการถอดถอนจากตำแหน่ง
เมื่อประธานวุฒิสภาได้รับคำร้องขอให้ถอดถอนผู้ใดจากตำแหน่ง ประธานวุฒิสภาต้องส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ไต่สวน หลังการไต่สวนแล้วเสร็จ คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะส่งเรื่องกลับไปยังวุฒิสภา หากข้อกล่าวหามีมูล ประธานวุฒิสภาต้องจัดให้มีการประชุมวุฒิสภาโดยเร็วเพื่อมีมติถอดถอนผู้นั้นจากตำแหน่ง การออกเสียงลงคะแนนของวุฒิสภากระทำโดยลงคะแนนลับ สมาชิกวุฒิสภามีอิสระในการออกเสียง มติให้ถอดถอนถือเอาคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด
หลังการตัดสินว่าข้อกล่าวหามีมูล ผู้ดำรงตำแหน่งไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้จนกว่าวุฒิสภาจะมีมติ หากข้อกล่าวหาไม่มีมูล ข้อกล่าวหานั้นเป็นอันตกไป และจะมีการร้องขอให้ถอดถอนโดยอาศัยเหตุเดียวกันอีกมิได้
[แก้] ผลของการถอดถอนจากตำแหน่ง
ผู้ที่ถูกถอดถอนจากตำแหน่ง จะต้องพ้นจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่วุฒิสภามีมติ และถูกตัดสิทธิในการดำรงตำแหน่งใด ๆ ทางการเมืองและทางราชการเป็นเวลา 5 ปี โดยไม่สามารถอุทธรณ์ได้
ในกรณีที่ผู้ดำรงตำแหน่งร่ำรวยผิดปกติ หรือกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ หรือทุจริตต่อหน้าที่ ประธานกรรมการ ป.ป.ช จะต้องส่งรายงานและเอกสารพร้อมความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
[แก้] อ้างอิง
- นันทวัฒน์ บรมานันท์, สารานุกรมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. ๒๕๔๐) การถอดถอนจากตำแหน่ง, สถาบันพระปกเกล้า, พ.ศ. 2544