เซนต์เซย่า
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เซนต์เซย่า | |
---|---|
![]() |
|
ชื่อไทย | เซนต์เซย่า |
ชื่อญี่ปุ่น | 聖闘士星矢 |
ชื่ออังกฤษ | Saint Seiya หรือ Knights of the Zodiac |
แนว | ต่อสู้, แฟนตาซี |
หนังสือการ์ตูน |
|
ผู้แต่ง | มะซะมิ คุรุมะดะ |
สำนักพิมพ์ | ![]() |
นิตยสาร | ![]() |
ตีพิมพ์เมื่อ | มกราคม 2529 – ธันวาคม 2533 |
จำนวนเล่ม | 28 |
ภาพยนตร์การ์ตูนโทรทัศน์ |
|
ผู้กำกับ | โคโซ โมริชิตะ (ตอนที่ 1-73) คาซึฮิโตะ คิคุจิ (ตอนที่ 74-114) |
ออกแบบตัวละคร | ชินโก อารากิ, มิจิ ฮิเมโนะ |
ผลิตโดย | โตเอแอนิเมชัน |
ฉายทาง | ![]() |
ฉายครั้งแรก | 11 ตุลาคม 2529 – 1 เมษายน 2532 |
จำนวนตอน | 114 |
![]() |
เซนต์เซย่า (「聖闘士星矢」 Se'into Seiya – เซะอินโตะเซยะ?) เป็นชื่อของหนังสือการ์ตูน แต่งโดย มะซะมิ คุรุมะดะ ต่อมาได้ถูกสร้างเป็นแอนิเมชัน เกม และของเล่นต่างๆ มากมาย
ในประเทศญี่ปุ่น เซนต์เซย่าลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสารโชเน็นจัมป์รายสัปดาห์ และออกเป็นหนังสือรวมเล่มจำนวน 28 เล่มจบกับสำนักพิมพ์ชูเอชะ ส่วนในประเทศไทย สำนักพิมพ์วิบูลย์กิจได้รับสิทธิ์ในการตีพิมพ์ฉบับรวมเล่ม สำหรับฉบับแอนิเมชัน เคยออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3 ในปี พ.ศ. 2531 เวลาประมาณ 16.00 น. ใช้ชื่อว่า "เทพบุตรหมัดดาวหาง" และได้ออกอากาศซ้ำอีกหลายครั้งทางช่อง 3 ต่อมาในปี พ.ศ. 2547 ได้มีการนำมาออกอากาศอีกครั้ง ทางสถานีโทรทัศน์ยูบีซี และออกวางจำหน่ายในรูปแบบวีซีดีลิขสิทธิ์โดย บริษัท การ์ตูนอินเตอร์ จำกัด
สารบัญ |
[แก้] โครงเรื่องและความนิยม
เซนต์เซย่า เป็น 1 ในผลงานที่ตีพิมพ์ออกมาในช่วงยุคทองของนิตยสารจัมป์รายสัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงที่มีการ์ตูนดังๆ ในยุค'80 ตีพิมพ์อยู่หลายเรื่อง เช่น ดราก้อนบอล ฤทธิ์หมัดดาวเหนือ คินนิคุแมน โรงเรียนลูกผู้ชาย และซิตี้ฮันเตอร์ มีเนื้อหาเกี่ยวกับกลุ่มนักรบเด็กหนุ่มห้าคน (เซนต์) ซึ่งต่อสู้โดยใช้ร่างกายของตนเองเป็นอาวุธ ในโลกร่วมสมัยที่มีบรรยากาศของเทพปกรณัมกรีก เด็กหนุ่มทั้งห้าคนนี้ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ปกป้อง คิโดะ ซาโอริ ผู้เป็นอวตารของเทพีอะธีนา เทพีแห่งปัญญาและสงคราม และต่อสู้กับทัพศัตรูแห่งความชั่วร้าย ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงจากทั้งผู้ชมที่เป็นผู้ชายและผู้หญิง ต่อมาเมื่อถูกสร้างเป็นอะนิเมะออกอากาศทางโทรทัศน์ ก็มีกระแสตอบรับที่ดีจนได้ออกอากาศติดต่อกันนานเกือบ 3 ปี ส่งผลให้สินค้าต่างๆ ที่เกี่ยวกับเซนต์เซย่า เช่น ซอฟต์แวร์เกม หุ่นฟิกเกอร์และหุ่นเหล็กในรูปแบบต่างๆ ที่ผลิตโดยบริษัทบันไดในช่วงนั้น ได้รับความนิยมและขายดีเป็นอย่างมาก ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีนักวาดชาวญี่ปุ่นหลายคน วาดโดจินชิเซนต์เซย่าออกมาจำหน่ายอีกมากมาย [ต้องการแหล่งอ้างอิง]
นอกจากนี้ เซนต์เซย่า ยังได้สร้างอิทธิพลให้แก่การ์ตูนในยุคต่อมาอย่าง ซามูไรทรูปเปอร์ ที่สร้างโดยซันไรส์ ในปี พ.ศ. 2531 และชูราโตะยอดองครักษ์ ที่สร้างโดยทัตสึโนะโกะโปร ในปี พ.ศ. 2532 ซึ่งแนวเรื่องของผลงานทั้ง 2 ที่กล่าวมา ต่างก็เป็นการต่อสู้ของเหล่าเด็กหนุ่มที่สวมชุดเกราะ โดยรูปแบบของเกราะจะแยกชิ้นส่วนมาประกอบเข้ากับร่างกายเช่นเดียวกับในเรื่องเซนต์เซย่า [ต้องการแหล่งอ้างอิง]
[แก้] การเปลี่ยนตัวนักพากย์
ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2548 ได้มีข่าวออกมาว่า เซนต์เซย่า ภาคศึกเจ้านรกฮาเดส เดอะแชปเตอร์อินเฟอร์โน ที่กำลังจะออกอากาศทางช่องเคเบิล สกายเพอร์เฟกต์ทีวี ในเดือนธันวาคม จะมีการเปลี่ยนตัวผู้ให้เสียงตัวละครหลักทั้ง 6 ได้แก่ เซย่า ชิริว เฮียวกะ ชุน อิคคิ และซาโอริ เป็นนักพากย์ชุดใหม่ทั้งหมด[1] ซึ่งแม้ว่าในขณะนั้น ข่าวจะยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่ก็สร้างความไม่พอใจให้แก่แฟนๆ ของเซนต์เซย่าเป็นอย่างมาก จนเกิดกระแสต่อต้านอย่างหนัก โดยมีแฟนๆ จากทั้งในและต่างประเทศเข้าไปโพสต์ข้อความลง BBS ในโฮมเพจของ โทรุ ฟุรุยะ ผู้พากย์เสียงเซย่าคนเดิม เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นการเรียกร้องให้ทางผู้สร้างพิจารณาเรื่องการเปลี่ยนตัวนักพากย์อีกครั้ง โดยให้ความเห็นว่า อย่างน้อยถ้าจะเปลี่ยน ก็จะน่าจะเปลี่ยนหลังจากที่ภาคฮาเดสจบชุดไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีการเปิดเว็บไซต์รวบรวมรายชื่อผู้ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนนักพากย์ในครั้งนี้อีกด้วย[2] แต่ในที่สุดทางเว็บไซต์ของโตเอแอนิเมชัน ก็ได้มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการว่าจะเปลี่ยนตัวนักพากย์ตัวละครหลักทั้ง 6 คนจริงๆ
และจากกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงของแฟนๆ ทำให้ มาซามิ คุรุมาดะ ผู้แต่งเรื่อง ต้องออกมาให้เหตุผลว่า นอกจาก โทรุ ฟุรุยะ ผู้พากย์เสียงเซย่าแล้ว คุณภาพเสียงของนักพากย์ตัวละครหลักอีก 5 คนได้ตกลงไปมาก ฟังดูไม่สดใสเหมือนเก่า เขาจึงต้องการให้เปลี่ยนนักพากย์ทั้ง 5 คน เหลือไว้แค่ฟุรุยะคนเดียว แต่สุดท้ายฟุรุยะก็ได้ขอถอนตัวตามออกไปด้วย ทำให้กลายเป็นต้องเปลี่ยนนักพากย์ใหม่หมดทั้งชุด ดังที่ได้กล่าวมา[3]
[แก้] เนื้อเรื่อง
เนื้อเรื่องของ เซนต์เซย่า อาจแบ่งออก ได้เป็น 4 ภาคด้วยกัน ดังนี้
- ภาคแซงก์ทัวรี (Sanctuary Chapter) อาจจะแบ่งย่อย ๆ ได้เป็น
- ศึกแกแลกเซียนวอร์ส เป็นการแข่งขันระหว่างบรอนซ์เซนต์ 10 คนซึ่งถูกส่งไปฝึกในสถานที่ต่าง ๆ ตั้งแต่เด็ก เพื่อหาผู้ชนะที่จะได้ครอบครองโกลด์คลอธราศีธนู
- การต่อสู้กับแบล็กเซนต์ เพื่อนำชิ้นส่วนต่าง ๆ ของโกลด์คลอธราศีธนูที่ถูกแย่งชิงไปกลับคืนมา
- การต่อสู้กับซิลเวอร์เซนต์
- การต่อสู้ ณ แซงก์ทัวรี (Sanctuary - ดินแดนศักดิ์สิทธิ์) กับเหล่าโกลด์เซนต์
- ภาคศึกอัศวินแห่งแอสการ์ด ซึ่งเป็นเนื้อเรื่องที่แต่งขึ้นมาสำหรับภาคอะนิเมะ ไม่มีในหนังสือการ์ตูน
- ภาคศึกเจ้าสมุทรโพไซดอน เทพแห่งท้องทะเล
- ภาคศึกเจ้านรกฮาเดส เทพแห่งโลกบาดาล(โลกหลังความตาย) อาจแบ่งย่อยได้เป็น
- ภาคแซงก์ทัวรี เป็นการต่อสู้ระหว่างอดีตโกลด์เซนต์ กับโกลด์เซนต์ที่เหลืออยู่ (ทำแอนิเมชันในรูปแบบ โอวีเอ)
- ภาคนรก ช่วงแรก (Hades The Chapter Inferno) เป็นช่วงที่เหล่าบรอนซ์เซนต์ลงไปในนรก (ทำแอนิเมชันในรูปแบบ โอวีเอ)
นอกจากนี้ ยังมีเซนต์เซย่าที่ทำการแต่งขึ้นใหม่ในช่วงหลัง แต่จะเป็นเนื่อเรื่องที่ย้อนไปก่อนที่จะเกิดเรื่องในภาคหลักด้วย ได้แก่
- ภาค Episode G เป็นฉบับมังงะที่ทำขึ้นใหม่ เปลี่ยนคนเขียนไปเป็น เมกุมุ โอคาดะ แต่คนแต่งก็ยังเป็นอาจารย์คุรุมาดะเช่นเดิม
- ภาค Next Dimension หรือ "ตำนานเจ้านรก" เป็นภาคที่แต่งและเขียนขึ้นใหม่โดยตัวอาจารย์คุรุมาดะเอง และกำลังลงอยู่ในนิตรสารการ์ตูนจัมป์ของญี่ปุ่นในขณะนี้
- ภาค The Lost Canvas เป็นภาคที่อาจารย์คุรุมาดะเป็นผู้แต่ง แต่เปลี่ยนผู้เขียนภาพใหม่เช่นกัน โดยเนื้อเรื่องอ้างอิงจาก "ภาค Next Dimension"
[แก้] อะนิเมะ
[แก้] ฉบับโทรทัศน์
เซนต์เซย่า ถูกสร้างเป็นอะนิเมะออกอากาศทางสถานีทีวีอาซาฮี ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2529 ถึง 1 เมษายน พ.ศ. 2532 เนื้อเรื่องดำเนินตั้งแต่ช่วงแรกไปจนถึงภาคโปเซดอน รวมความยาวทั้งสิ้น 114 ตอน แบ่งเป็น 5 ภาคด้วยกัน ได้แก่ ภาค 1 เซนต์แห่งอาธีน่า (ตอนที่ 1-22) ภาค 2 นักรบเกราะเงิน (ตอนที่ 23-40) ภาค 3 ปราสาท 12 ราศี (ตอนที่ 41-74) ภาค 4 อัศวินแห่งแอสการ์ด (ตอนที่ 75-100) และภาค 5 เจ้าสมุทรโปเซดอน (ตอนที่ 101-114)
[แก้] รายชื่อตอน
- (อ้างอิงจากวีซีดีฉบับลิขสิทธิ์ของการ์ตูนอินเตอร์)
|
|
[แก้] ฉบับภาพยนตร์
นอกจากออกฉายทางโทรทัศน์แล้ว เซนต์เซย่า ยังถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์การ์ตูนสำหรับฉายในโรงภาพยนตร์ด้วย แต่เนื้อเรื่องของฉบับภาพยนตร์การ์ตูนนั้นไม่ได้แต่งขึ้นโดย มะซะมิ คุรุมะดะ เนื้อเรื่องจึงอาจจะขัดแย้งกับรายละเอียดบางส่วนในต้นฉบับดั้งเดิม เซนต์เซย่า ฉบับภาพยนตร์การ์ตูน ได้มีการสร้างขึ้นมาทั้งหมด 5 ภาค ได้แก่
[แก้] ภาคสงครามเทพีเอริส ปริศนาแอปเปิ้ลทองคำ (1987)
ชื่อญี่ปุ่น : 聖闘士星矢 劇場版 (Saint Seiya Gekijôban) ; ชื่ออังกฤษ : Legend of the Golden Apple
เซนต์เซย่าฉบับภาพยนตร์ ภาคสงครามเทพีอีริส ปริศนาแอปเปิ้ลทองคำ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2530 มีเนื้อหาเกี่ยวกับ "เอริส เทพีแห่งความชั่วร้าย" ซึ่งต้องการกำจัดอาเธน่า และทำลายโลก ได้เข้าสิงร่างของ "เอรี่" ผู้ดูแลสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และได้ปลุกเหล่าเซนต์ขึ้นมา 5 คน ได้แก่ โอฟีอุสแห่งกลุ่มดาวพิณ หยางแห่งกลุ่มดาวโล่ มายาแห่งกลุ่มดาวลูกธนู จากัวร์แห่งกลุ่มดาวนายพราน และไครส์แห่งกลุ่มดาวกางเขนใต้ เพื่อการคืนชีพอย่างสมบูรณ์ของเอริส เอริสได้ลักพาตัวของอาเธน่ามาเพื่อดูดเอาพลังชีวิตของอาเธน่าโดยใช้แอบเปิ้ลทองคำ หลังจากนั้น พวกเซย่าจึงเดินทางมาช่วยเหลืออาเธน่า โดยได้ทำลายแอปเปิ้ลทองคำ ทำให้เอริสสลายไปในที่สุด[4]
[แก้] ภาคสงครามเทพเจ้าโอดีนแห่งแอสการ์ด (1988)
ชื่อญี่ปุ่น : 神々の熱き戦い (Kamigami no Atsuki Tatakai) ; ชื่ออังกฤษ : The Heated Battle of the Gods
เซนต์เซย่าฉบับภาพยนตร์ ภาคสงครามเทพเจ้าโอดีนแห่งแอสการ์ด ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2531 มีเนื้อหาเกี่ยวกับ การหายตัวไปของเฮียวกะ หลังจากเดินทางไปยังแอสการ์ด ดินแดงแห่งขั้วโลกเหนือ อาเธน่าและพวกเซย่าจึงเดินทางไปยังแอสการ์ด โดยได้เข้าพบกับ “โดลบาล ผู้ปกครองแห่งแอสการ์ด” เพื่อถามหาข่าวของเฮียวกะ ระหว่างนั้น อาเธน่าได้รู้ถึงเจตนาของโดลบาลว่าต้องการจะครอบครองแซงชัวรี่และโลก ดังนั้น โดลบาลจึงจับอาเธน่าไปตรึงไว้ที่รูปปั้นของเทพโอดีน เพื่อช่วยอาเธน่าพวกเซย่าจึงได้ต่อสู้กับเหล่าก็อดวอริเออร์ หรือเหล่านักรบแห่งแอสการ์ด แต่สุดท้ายโดลบาลก็ถูกกำจัดลง และดินแดนแอสการ์ดก็กลายเป็นดินแดนที่มีความอบอุ่นอีกครั้ง[5]
[แก้] ภาคสงครามสุริยะเทพอาเบล (1988)
ชื่อญี่ปุ่น : 真紅の少年伝説 (Shinku No Shônen Densetsu) ; ชื่ออังกฤษ : Legend of Crimson Youth
เซนต์เซย่าฉบับภาพยนตร์ ภาคสงครามสุริยเทพอาเบล ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2531 มีเนื้อหาเกี่ยวกับ "อาเบล เทพแห่งสุริยะ" ผู้เป็นเสมือนพี่ชายของอาเธน่า ซึ่งต้องการให้โลกกลับมาสู่ยุคของเทพเจ้าอีกครั้งหนึ่ง เมื่ออาเธน่ารู้ถึงจุดประสงค์ของอาเบลก็พยายามขัดขวางเจตนาของอาเบลเพียงลำพังโดยการขับไล่พวกเซย่าไม่ให้มาเกี่ยวข้องกับตน แต่อาเธน่าก็ถูกอาเบลสังหารเสียก่อน พวกเซย่ารู้สึกว่ามีอะไรแอบแฝงอยู่จึงได้เดินทางมายังวิหารแห่งสุริยะเทพ และต้องช่วยอาเธน่าให้ได้ก่อนที่วิญญาณของอาเธน่าจะเดินทางไปสู่หลุมดำนิรกาล เซย่า ชิริว เฮียวกะ ชุน และอิคคิ ได้ต่อสู้กับเหล่า โคโรน่าเซนต์ และเหล่าโกลเซนต์ที่ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งโดยอำนาจของอาเบล ในที่สุด ด้วยพลังคอสโมของพวกเซย่าจึงสามารถปลุกอาเธน่าขึ้นมาอีกครั้ง และได้สังหารอาเบลลงได้โดยใช้ลูกศรทองคำแห่งชุดคลอธซาจิททาเรียส [6]
[แก้] ภาคสงครามครั้งสุดท้าย ความทะเยอทะยานของลูซิเฟอร์ (1989)
ชื่อญี่ปุ่น : 最終聖戦の戦士たち (Saishû Seisen No Senshi Tachi) ; ชื่ออังกฤษ : Warriors of the Final Holy Battle
เซนต์เซย่าฉบับภาพยนตร์ ภาคสงครามครั้งสุดท้าย ความทะเยอทะยานของลูซิเฟอร์ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2532 มีเนื้อหาเกี่ยวกับ "ลูซิเฟอร์ บุตรแห่งเทพเจ้า" ที่มีความชั่วร้ายจนถูกลงโทษให้ไปอยู่ในนรก แต่ฟื้นคืนชีพกลับขึ้นมาอีกครั้งโดยพลังของเอริส อาเบล และโปเซดอน เพื่อต้องการครอบครองโลกและสังหารอาเธน่า ลูซิเฟอร์และ 4 เทพอสูร เดินทางมายังแซงทัวรี่ พร้อมทั้งได้โจมตีเหล่าโกลเซนต์และพวกเซย่าจนได้รับบาดเจ็บ อาเธน่าจึงตัดสินใจเดินทางไปยังวิหารของลูซิเฟอร์เพียงลำพังเพื่อใช้ชีวิตของตนปกป้องโลกเอาไว้ พวกเซย่าจึงเดินทางไปช่วยโดยต่อสู้กับเหล่า 4 เทพอสูร และสามารถกำจัดลูซิเฟอร์ลงได้ [7]
[แก้] ภาคโหมโรงสู่ภาคสวรรค์ (2004)
ชื่อญี่ปุ่น : 天界編 序奏~overture~ (Tenkai-hen ~ Overture) ; ชื่ออังกฤษ : Heaven Chapter ~ Overture
เซนต์เซย่าฉบับภาพยนตร์ ภาคโหมโรงสู่ภาคสวรรค์ ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004) มีเนื้อหาเกี่ยวกับ เหล่าเทพเจ้าแห่งสวรรค์ซึ่งไม่พอใจที่เหล่าเซนต์แห่งอาเธน่าบังอาจโค่นล้มบรรดาเทพต่าง ๆ ลง ดังนั้นจึงส่ง "อาร์เทมิส เทพแห่งดวงจันทร์" พร้อมนักรบแห่งแองเจิ้ล ลงมายังโลกมนุษย์เพื่อกำจัดเซนต์แห่งอาเธน่า อาเธน่าซึ่งไม่ต้องการให้พวกเซย่าต้องต่อสู้อีกครั้งจึงได้ยกการปกครองพื้นปฐพีให้อาร์เทมิส พร้อมทั้งยอมรับการลงทัณฑ์จากสวรรค์แทนเหล่าเซนต์แห่งอาเธน่า หลังจากนั้น เหล่าเซนต์แห่งอาเธน่าก็เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของแซงชัวรี่ที่เกิดขึ้น และได้เข้าต่อสู้กับเหล่าแองเจิ้ลเพื่อช่วยเหลืออาเธน่า อาร์เทมิสซึ่งพบว่าอาเธน่าต้องการขัดขืนคำสั่งสวรรค์โดยการแอบช่วยเหลือพวกเซย่า จึงต้องการสังหารอาเธน่าเสีย แต่เซย่าได้เข้ามาขัดขวาง และทันใดนั้น "อพอลโล เทพแห่งดวงอาทิตย์" ก็ปรากฏตัวขึ้นมา[8]
[แก้] ฉบับโอวีเอ
ปี พ.ศ. 2545 เซนต์เซย่า ถูกนำมาสร้างเป็นอะนิเมะอีกครั้งในรูปแบบโอวีเอ และออกฉายทางสถานีโทรทัศน์เคเบิล สกายเพอร์เฟกต์ทีวี โดยใช้ชื่อว่า "เซนต์เซย่า เดอะฮาเดส แชปเตอร์แซงก์ทัวรี่" ซึ่งเป็นเรื่องราวในช่วงแรกของภาคเจ้านรกฮาเดส มีความยาว 13 ตอน ต่อมาในปี พ.ศ. 2547 ทางโตเอแอนิเมชันก็สร้างภาคต่อตามมาในชื่อว่า "เซนต์เซย่า เดอะฮาเดส แชปเตอร์อินเฟอร์โน" ครึ่งแรกมีความยาว 6 ตอน ส่วนครึ่งหลัง ถูกสร้างขึ้นและออกอากาศในช่วงปลายปี พ.ศ. 2548 โดยมีความยาว 6 ตอนเช่นเดียวกัน
[แก้] เพลงประกอบ
- ฉบับโทรทัศน์ ตอนที่ 1 - 73
- เพลงเปิด : "เพกาซัส แฟนตาซี" (ペガサス幻想(ファンタジー)) ขับร้องโดยวง MAKE-UP
- เพลงปิด : "เอเอ็น บลู" (永遠ブルー หรือ Blue Forever) ขับร้องโดยวง MAKE-UP
- ฉบับโทรทัศน์ ตอนที่ 74 - 114
- เพลงเปิด : "โซลเยอร์ดรีม" (聖闘士神話(ソルジャードリーム) ขับร้องโดย ฮิโรโนบุ คาเงยามะ และวง BROADWAY
- เพลงปิด : "ยูเมะทาบิบิโตะ" (夢旅人 หรือ Blue Dream) ขับร้องโดย ฮิโรโนบุ คาเงยามะ และวง BROADWAY
- ฉบับโอวีเอ เดอะฮาเดส แชปเตอร์แซงก์ทัวรี่ ตอนที่ 1 - 13
- เพลงเปิด : "จิคิวงิ" (地球ぎ) ขับร้องโดย ยูมิ มัตสึซาวะ
- เพลงปิด : "คิมิ โตะ โอนาจิ อาโอโซระ" (君と同じ青空) ขับร้องโดย ยูมิ มัตสึซาวะ
- ฉบับโอวีเอ เดอะฮาเดส แชปเตอร์อินเฟอร์โน ตอนที่ 1 - 6
- เพลงเปิด : "เมงามิ โนะ เซนชิ ~เพกาซัสฟอร์เอฟเวอร์~" (女神の戦士~Pegasus Forever~) ขับร้องโดย Marina Del Ray
- เพลงปิด : "ทาคุสุ โมโนะ เอะ ~มายเดียร์~" (託す者へ~My Dear~) ขับร้องโดย ยูมิ มัตสึซาวะ
[แก้] ตัวละคร
ดูรายละเอียดที่ ตัวละครในเรื่องเซนต์เซย่า
[แก้] เกราะ
- คลอธ
- สวมใส่โดยเหล่าเซนต์แห่งอาธีน่า แบ่งเป็น 3 ระดับดังนี้
- บรอนซ์คลอธ เป็นคลอธระดับต่ำสุดในคลอธทั้งหมด ไม่มีสีที่ตายตัว ทนอุณหภูมิได้ -150 ºC
- ซิลเวอร์คลอธ เป็นคลอธของซิลเวอร์เซนต์ มักมีสีออกไปทางสีเทา ทนอุณหภูมิได้ -200 ºC
- โกลด์คลอธ คลอธสีทองระดับสูงสุด เป็นตัวแทนตามจักรราศี ทนอุณหภูมิได้ถึงศูนย์องศาสัมบูรณ์ (-272.14ºC)
- นอกจากนี้ ยังมีคลอธของเทพีอาธีน่าเองอีกด้วย รวมทั้งบรอนซ์คลอธที่พัฒนาไปสู่จุดที่สูงกว่าคลอธใดๆ คือเป็นเกราะแห่งเทพ (ก๊อดคลอธ)
- หมายเหตุ: ในฉบับโทรทัศน์และภาพยนตร์ยังมีคลอธแบบอื่นๆ เช่น สตีลคลอธ แต่รายการนี้นับจากฉบับหนังสือการ์ตูนเป็นหลัก
- โอดิน โร้บ
- สวมใส่โดยก็อดวอริเออร์แห่งอัสการ์ดทั้ง 8 คน เป็นตัวแทนสัตว์ตามเทพนิยายนอร์ส
- สเกล
- สวมใส่โดยมารีนเนอร์แห่งโพไซดอน ทำด้วยแร่ Orichalcum ในนครแอตแลนติส มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับโกลด์คลอธ แต่สีจะออกไปทางสีส้มมากกว่า
- เซอร์พริส
- สวมใส่โดยสเปกเตอร์แห่งฮาเดส มักออกแบบมาจากสัตว์ที่น่ากลัว นอกจากเซอร์พริสทั้ง 108 ชุด ยังมีชุดของ ราดาแมนทีส มีนอส ไออาคอส ฮาเดส ธานาทอส ฮิปนอส และโกลด์เซนต์ที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใส่คลอธสีดำอีก 6 คน
- โซม่า
- สวมใส่โดยเหล่าเทพไททัน มีทั้งหมด 12 ชุด ออกแบบให้มีรูปลักษณ์เป็นอาวุธชนิดต่างๆ ชุดจะมีสีน้ำเงินเข้มออกม่วง เป็นชุดที่พระแม่ธรณี "ไกอา" มอบให้กับเหล่าไททันในคราที่โค่นล้มยูเรนัสในอดีตกาล
- เดรส
- สวมใส่โดยเหล่าแองเจิลแห่งอาร์เทมิส ชุดจะไม่ค่อยครอบคลุมทั้งร่าง คือค่อนข้างจะเน้นคล่องตัวเป็นหลัก สีของชุดไม่แน่นอน
[แก้] เกม
- เซนต์เซย่า ตำนานชุดทอง (聖闘士星矢 黄金伝説) ออกจำหน่ายเมื่อ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2530 โดยบันได
- เซนต์เซย่า ตำนานชุดทอง ภาคสมบูรณ์ (聖闘士星矢 黄金伝説 完結編) ออกจำหน่ายเมื่อ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2531 โดยบันได
- เซนต์พาราไดซ์ เหล่านักรบที่แข็งแกร่งที่สุด (聖闘士★セイントパラダイス~最強の戦士たち) ออกจำหน่ายเมื่อ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2535 โดยบันได
- วันเดอร์สวอนคัลเลอร์
- เซนต์เซย่า ตำนานชุดทอง เพอร์เฟกต์อีดิชั่น (聖闘士星矢 黄金伝説編 Perfect Edition) ออกจำหน่ายเมื่อ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 โดยบันได
- เซนต์เซย่า เดอะฮาเดส แชปเตอร์แซงก์ทัวรี่ (聖闘士星矢 聖域十二宮編) ออกจำหน่ายเมื่อ 7 เมษายน พ.ศ. 2548 โดยบันได
- เซนต์เซย่า เดอะฮาเดส แชปเตอร์อินเฟอร์โน (聖闘士星矢 冥王ハーデス十二宮編) ออกจำหน่ายเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 โดยแนมโคบันได
[แก้] อ้างอิง
- ↑ http://draco.exteen.com/20050903/t-t
- ↑ http://a-roots.main.jp/sign.html
- ↑ http://www.weblio.jp/content/%E8%BB%8A%E7%94%B0%E6%AD%A3%E7%BE%8E
- ↑ เนื้อเรื่องเซนต์เซย่า ภาคสงครามเทพีอีริส ปริศนาแอปเปิ้ลทองคำ
- ↑ เนื้อเรื่องเซนต์เซย่า ภาคสงครามเทพเจ้าโอดีน แห่งแอสการ์ด
- ↑ เนื้อเรื่องเซนต์เซย่า ภาคสงครามสุริยะเทพ อาเบล
- ↑ เนื้อเรื่องเซนต์เซย่า ภาคสงครามครั้งสุดท้าย ความทะเยอทะยานของลูซิเฟอร์
- ↑ เนื้อเรื่องเซนต์เซย่า โหมโรงภาคสวรรค์ Tenkai Hen ~Overture