ธนบัตรในประเทศไทย
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
การใช้ธนบัตรในประเทศไทยเริ่มขึ้นในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยได้มีการใช้ "เงินกระดาษ" เป็นครั้งแรก แต่ยังไม่ได้เรียกว่า "ธนบัตร" ใช้คำว่า "หมาย" เรียกแทน โดยออกใช้เมื่อ พ.ศ. 2396 เป็นครั้งแรก และคงใช้ต่อมาทั้งสิ้น 3 รุ่น และเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2417 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ประกาศใช้ "ตั๋วกระดาษ" ราคา 1 อัฐ เพื่อใช้แทนเงินเหรียญกษาปณ์ที่ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า "อัฐกระดาษ" ที่ใช้เรียกขานกันในหมู่ประชาชน
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงอนุญาตให้ธนาคารต่างประเทศที่เข้ามาเปิดสาขาดำเนินงานในประเทศไทย ให้สามารถออกธนบัตรของตัวเองได้ ในขณะนั้นมี ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้, ธนาคารชาเตอรด์แห่งอินเดีย ออสเตรเลีย และจีน ที่ได้ดำเนินการออกธนบัตรมาใช้ตั้งแต่ พ.ศ. 2432 จนถึง วันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2445 จึงทรงให้ยกเลิก ซึ่งเป็นวันแรกที่ประกาศใช้ "ธนบัตร" แบบแรกของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
สารบัญ |
[แก้] ประเภทของธนบัตรไทย
[แก้] ธนบัตรใช้หมุนเวียน
ธนบัตรใช้หมุนเวียน เป็นธนบัตรที่ใช้แลกเปลี่ยนประจำวันทั่วไป มีมูลค่าแลกเปลี่ยนตามราคาปรากฏในธนบัตร เมื่อมีการชำรุดเสียหายก็จะมีการพิมพ์ทดแทน ธนบัตรไทยที่ออกใช้ตั้งแต่แบบแรกเมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2445 จนถึงปัจจุบัน (พ.ศ. 2549) มีออกมาใช้ทั้งหมด 15 แบบ ได้แก่
แบบที่ | ใช้ครั้งแรก | ชนิดธนบัตรที่มี | หมายเหตุ |
1 | 7 ก.ย. 2445 | 1,5,10,20,50,100,1000 บาท | เป็นธนบัตรที่พิมพ์ด้านหน้าด้านเดียว พิมพ์โดย บริษัทโทมัสเดอลารู |
2 | 21 ก.ค. 2468 | 1,5,10,20,100,1000 บาท | เริ่มมีการพิมพ์เส้นนูน พิมพ์โดย บริษัทโทมัสเดอลารู |
3 | 22 มิ.ย. 2477 | 1,5,10,20 บาท | มีพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 7 พิมพ์โดย บริษัทโทมัสเดอลารู |
4 | 5 ธ.ค. 2481 | 1,5,10,20,100,1000 บาท | ได้เริ่มใช้คำว่า "รัฐบาลไทย" แทนคำว่า "รัฐบาลสยาม" พิมพ์โดย บริษัทโทมัสเดอลารู |
5 | 8 ธ.ค. 2484 | 50 สตางค์ และ 1,5,10,20,100,1000 บาท | พิมพ์โดยบริษัท Mitsui Butsan จากประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากอยู่ระหว่างสงครามมหาเอเชียบูรพา จึงไม่สามารถสั่งพิมพ์จากบริษัทโทมัสเดอลารูได้ |
6 | 21 ก.พ. 2488 | 20,100 บาท | พิมพ์โดย กรมแผนที่ทหารบก และ กรมอุทกศาสตร์ทหารเรือ โดยใช้วัตถุดิบเท่าที่หาได้ในประเทศ เนื่องจากสงครามทวีความรุนแรงขึ้น ประเทศญี่ปุ่นไม่สามารถขนส่งธนบัตรมาได้ ธนบัตรชุดนี้จึงมีคุณภาพต่ำ และมีการปลอมแปลงกันมาก |
7 | 21 ก.พ. 2488 | 1,5,10,50 บาท | พิมพ์ในประเทศไทย เช่นเดียวกับธนบัตรแบบที่ 6 |
8 | 14 พ.ย. 2489 | 1,5,10,20,100 บาท | พิมพ์โดย บริษัท The Tudor Press จากสหรัฐอเมริกา เนื่องจากบริษัทโทมัสเดอลารูได้รับความเสียหายจากสงคราม ไม่มีเส้นนูนและลายน้ำ ในสมัยนั้นมีการปลอมแปลงธนบัตรกันมาก |
9 | 26 ม.ค. 2491 | 50 สตางค์ และ 1,5,10,20,100 บาท | พิมพ์โดย บริษัทโทมัสเดอลารู |
10 | 16 พ.ค. 2510 | 100 บาท | มีเส้นนูน มีหลายสี มีลายไทย เนื่องจากมีการปลอมแบบ 9 ราคา 100 บาท อย่างมากมาย |
11 | 18 มิ.ย. 2512 | 5,10,20,100,500 บาท | พิมพ์ในประเทศไทย โดยโรงพิมพ์ธนบัตร ที่จัดตั้งขึ้นโดยธนาคารแห่งประเทศไทยในปี พ.ศ. 2512 |
12 | 6 เม.ย. 2521 | 10,20,100 บาท | ด้านหลังมีภาพพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระมหากษัตริย์ที่เป็นมหาราช |
13 | 30 ส.ค. 2528 | 50,500 บาท | เพื่อร่วมเฉลิมฉลองงานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี พ.ศ. 2525 |
14 | 10 ส.ค. 2535 | 100,500,1000 บาท | ออกฉบับละ 1000 บาท เพื่อสนองต่อการใช้เงินจำนวนมาก |
15 | 1 ส.ค. 2544 | 20,50,100,500,1000 บาท | เป็นธนบัตรแบบที่ใช้ในปัจจุบัน มีการเพิ่มแถบฟอยล์สีเงินในธนบัตร 100, 500 และ 1000 บาท |
[แก้] ธนบัตรแบบพิเศษ
เป็นธนบัตรที่ออกใช้หมุนเวียนนอกเหนือจากแบบที่ใช้อย่างเป็นทางการข้างต้น ประกาศใช้งานระหว่างวันที่ 25 มกราคม 2485 ถึง 3 มิถุนายน 2489 ซึ่งเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เกิดการขาดแคลนธนบัตรใช้งานขณะนั้น
ราคา 1 บาท ประกาศใช้ 25 มกราคม 2485 ขนาด 6.3 x 11.7 ซม. สีน้ำเงิน
ราคา 1,000 บาท ขนาด 10.5 x 19.5 ซม.
รุ่นที่ 1 ประกาศใช้ 25 สิงหาคม 2486 ด้านหน้า สีแดงแก่ พื้นเหลือง ด้านหลัง สีน้ำตาล พื้นเหลือง
รุ่นที่ 2 ประกาศใช้ 1 มีนาคม 2487 สีเหมือนรุ่น 1 แต่จะแดงเข้มกว่า
ราคา 50 บาท ขนาด 6.5 x 12.5 ซม. กรมแผนที่ทหารพิมพ์เพื่อจะนำไปใช้ที่มณฑลมลายูตอนเหนือ สี่รัฐ โดยพิมพ์ราคาเป็น 1 ดอลล่า แต่ไม่ได้นำออกใช้ เมื่อเกิดขาดแคลนธนบัตรจึงนำออกมาแก้เป็นราคา 50 บาท ด้านหน้า กรอบสีม่วง พื้นเหลือง ด้านหลัง ลายสีม่วง พื้นเหลือง
รุ่นที่ 1 ประกาศใช้ 8 กุมภาพันธ์ 2488 การพิมพ์แก้ : (1)พิมพ์ด้วยหมึกดำทับ -เลข 1 อาหรับ -คำ หนึ่งดอลล่า -อักษรมลายูกับจีนทั้งหมด (2)ด้านหน้า พิมพ์เลข 50 ด้วยหมึกแดงบนลายน้ำ (3)ด้านหน้า พิมพ์ "ห้าสิบบาท" ด้วยหมึกแดง ใต้คำ รัถบาลไทย
รุ่นที่ 2 ประกาศใช้ 13 กุมภาพันธ์ 2488 การพิมพ์แก้ : ด้านหน้า (1)แก้เฉพาะการพิมพ์ " ห้าสิบบาท" ด้วยหมึกดำทับ "หนึ่งดอลล่า" (2)พิมพ์ลายมือชื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังบนลายน้ำ (3)ลายมือชื่อรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง มี นายควง อภัยวงศ์ เพิ่มอีกหนึ่งท่าน
รุ่นที่ 3 ประกาศใช้ 21 กุมภาพันธ์ 2488 การพิมพ์แก้ : ด้านหน้าแก้ไขเหมือนรุ่นที่ 1 แต่จะมีเฉพาะลายมือชื่อรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง นายเล้ง ศรีสมวงศ์ เพียงท่านเดียว ด้านหลังไม่มีการแก้ไข
ราคา 50 สตางค์ ประกาศใช้ 30 มีนาคม 2489 เดิมเป็นธนบัตรแบบ 5 ราคา 10 บาท ที่ทางการญี่ปุ่นจัดพิมพ์ที่ชวา ซึ่งเป็นธนบัตรที่มีคุณภาพต่ำทั้งกระดาษและหมึกพิมพ์ และไม่มีลายน้ำเพื่อป้องกันการปลอมแปลงด้วย จึงนำมาแก้ไขใช้งานด้วยการพิมพ์ทับด้วยหมึกดำ
ด้านหน้า (1)พิมพ์ "๕๐ ส.ต." ทับเลข ๑๐ เดิมที่มุม ยกเว้น มุมล่างขวาที่ไม่มีตัวเลข (2)พิมพ์ "ห้าสิบ ส.ต." ทับ "สิบ บาท" ตรงกลาง ใต้คำว่า รัฐบาล ไทย (3)พิมพ์เลขหมวดขนาบข้างหน้่าและหลังของคำว่า รัฐบาล ไทย ด้วยอักษรไทยอยู่เหนือเลขอาหรับ
ด้านหลัง พิมพ์ "๕๐ ส.ต." ทับเลข ๑๐ เดิมที่มุมบนทั้งสองข้าง
ราคา 1 บาท ประกาศใช้ 3 มิถุนายน 2489 เป็นพันธบัตรที่ทางการอังกฤษพิมพ์ไว้ใช้งานเมื่อตีเอาประเทศไทยจากญี่ปุ่น แต่ไม่ได้ใช้ เมื่อสงครามสงบลงจึงมอบให้ทางการไทย เมื่อเกิดขาดแคลนธนบัตรจึงได้นำมาแก้ไขใช้งาน มีขนาด 7.3 x 11.4 ซม. สีน้ำเงิน
ด้านหน้า (1)พิมพ์ "รัฐบาลไทย" (บน) และ "ธนบัตรเป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย" (ล่าง แต่บางฉบับก็ไม่มีคำว่า ที่) ด้วยหมึกดำ เหนือคำว่า "ONE BAHT" (2)เลขหมาย -เลขหมวด อักษรไทย(เหนือ)และเลขอาหรับ(ล่าง) -เลขฉบับ เลขอาหรับ
ด้านหลัง ไม่ได้พิมพ์แก้ไข
[แก้] ธนบัตรที่ระลึกและบัตรธนาคาร
ธนบัตรที่ระลึกและบัตรธนาคาร เป็นธนบัตรที่ออกเนื่องในวาระสำคัญต่าง ๆ เช่น ธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติ ครบ 60 ปี เป็นต้น มูลค่าแลกเปลี่ยนมักจะสูงกว่าราคาที่กำหนด ธนบัตรชนิดนี้จะพิมพ์ออกมาเพียงครั้งเดียวไม่มีการพิมพ์ทดแทน ส่วนบัตรธนาคารก็จะคล้ายกับธนบัตรที่ระลึก จะต่างกันที่การออกบัตรธนาคารกระทำโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่ใช่ออกโดยรัฐบาลไทย ซึ่งก็มีเพียงแบบเดียวที่ออกมาในรัชกาลปัจจุบัน คือ บัตรธนาคาร ชนิดราคา 60 บาท ที่ออกใช้เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2530 (ประกาศใช้ 3 มิถุนายน 2530)
แบบ | ชนิดราคา | ใช้ครั้งแรก |
บัตรธนาคาร | 60 บาท | 5 ธันวาคม 2530 |
ธนบัตรที่ระลึกเนื่องในโอกาสที่ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงเจริญพระชนมายุ 90 พรรษา | 50,500 บาท | 21 ตุลาคม 2533 |
ธนบัตรที่ระลึกเนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ | 1000 บาท | 12 สิงหาคม 2535 |
ธนบัตรที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบรอบ 120 ปี กระทรวงการคลัง | 10 บาท | 14 เมษายน 2538 |
ธนบัตรที่ระลึกเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี | 50,500,500 บาท แบบพิเศษ | 3 เมษายน 2539 |
ธนบัตรที่ระลึกเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม 2542 | 1000 บาท | 1 พฤศจิกายน 2542 |
ธนบัตรที่ระลึกวันราชาภิเษกสมรสครบ 50 ปี | 50,500000 บาท | 8 พฤษภาคม 2543 |
ธนบัตรที่ระลึกเนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปี ธนบัตรไทย | 100 บาท | 2 กันยายน 2545 |
ธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๔๗ | 100 บาท | 22 เมษายน 2547 |
ธนบัตรที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติ ครบ 60 ปี | 60 บาท | 9 มิถุนายน 2549 |
[แก้] ดูเพิ่ม
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
หน่วยเงินในประเทศไทย | |
---|---|
เหรียญ | 1 สตางค์ | 5 สตางค์ | 10 สตางค์ | 25 สตางค์ | 50 สตางค์ | 1 บาท | 2 บาท | 5 บาท | 10 บาท | 20 บาท |
ธนบัตร | 50 สตางค์ | 1 บาท | 5 บาท | 10 บาท | 20 บาท | 50 บาท | 60 บาท | 100 บาท | 500 บาท | 1000 บาท | 500000 บาท |
อื่นๆ | พดด้วง | เบี้ย | โสฬส | อัฐ | เสี้ยว (ไพ) | ซีก | เฟื้อง | สลึง | มายน (มะยง) | บาท | ตำลึง | ชั่ง | หาบ | บัตรธนาคาร 60 บาท |