กฎหมาย
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สารบัญ |
[แก้] นิยามของกฎหมาย
เราสามารถพิจารณากฎหมายแยกออกได้เป็น สองประการคือ การพิจารณากฎหมายในแง่เนื้อหาหรือเนื้อความ และการพิจารณากฎหมายในแง่วิธีการบัญญัติ
- กฎหมายในแง่เนื้อความหรือเนื้อหา
ในแง่เนื้อความ อาจกล่าวได้ว่ากฎหมายเป็นกฎทีสถาบันหรือผู้มีอำนาจสูงสุดในรัฐตราขึ้น หรือที่เกิดขึ้นจากจารีตประเพณีอันเป็นที่ยอมรับนับถือ เพื่อใช้ในการบริหารประเทศ เพื่อใช้บังคับบุคคลให้ปฏิบัติตาม หรือเพื่อกำหนดระเบียบแห่งความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลหรือระหว่างบุคคลกับรัฐ กฎหมายในแง่เนื้อหามีองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้มีสภาพแตกต่างจากศีลธรรมก็คือ กฎหมายจะต้องเป็นคำสั่งของรัฐาธิปัตย์ที่มีสภาพบังคับให้ต้องกระทำตามกฎหมาย
- กฎหมายในแง่วิธีการบัญญัติ
กฎหมายที่จะถูกยอมรับเป็นกฎหมายเมื่อพิจารณาจากวิธีนี้ก็คือ ก็คือกฎหมายซึ่งได้ถูกบัญญัติไว้ตามขั้นตอนที่กำหนดเพื่อให้มีสภาพเป็นกฎหมาย จะเห็นได้ว่าหากพิจารณากฎหมายแต่ในแง่เนื้อความ กฎหมายเช่นพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีก็อาจจะไม่ใช่กฎหมาย เราจึงต้องแบ่งการพิจารณากฎหมายออกเป็นสองประการ
[แก้] การแบ่งระบบกฎหมาย
กฎหมายที่ใช้กันในโลกแบ่งออกได้เป็นสองระบบใหญ่ คือ ระบบกฎหมายทั่วไป (common law) และระบบประมวลกฎหมาย (civil law) ซึ่งทั้งสองระบบนี้ ต่างก็มีกฎหมายที่บัญญัติไว้เป็นลายลักษณ์อักษร แต่คนโดยทั่วไปมักจดจำว่าcommon lawไม่ใช่กฎหมายลายลักษณ์อักษร ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
- ระบบกฎหมายทั่วไป
เป็นระบบที่ใช้กันในเครือจักรภพอังกฤษและในสหรัฐอเมริกา โดยจะใช้คำพิพากษาที่ศาลเคยวางหลักไว้แล้วเป็นหลักในการพิจารณา ระบบนี้มีกฎหมายที่บัญญัติโดยรัฐสภาเช่นเดียวกับประเทศที่ใช้ระบบประมวลกฎหมาย แต่ระบบกฎหมายทั่วไปนี้ จะให้อำนาจผู้พิพากษาในการตีความกฎหมายอย่างมาก จึงลดทอนความสำคัญของกฎหมายของรัฐสภาลง และจะตีความในลักษณะจำกัดเท่าที่ลายลักษณ์อักษรไว้บัญญัติเท่านั้น
- ระบบประมวลกฎหมาย
เป็นระบบที่ใช้กันในภาคพื้นทวีปยุโรปและในประเทศไทย โดยมีหลักกฎหมายซึ่งสืบทอดมาจากหลักกฎหมายโรมัน ในการเรียนการสอนกฎหมายของบางประเทศ เช่น เยอรมัน จะต้องเรียนรู้ภาษาลาตินก่อนจึงจะสามารถเรียนกฎหมายได้ ประมวลกฎหมายสำคัญซึ่งเป็นที่ยอมรับกันและเป็นตัวอย่างให้กับนานาประเทศ ได้แก่ ประมวลกฎหมายแพ่งฝรั่งเศส ระบบกฎหมายนี้ ผู้พิพากษาสามารถตีความกำหมายลายลักษณ์อักษรในลักษณะขยายความได้ โดยมีหลักว่า ผู้พิพากษาจะต้องค้นหากฎหมายที่จะนำมาตัดสินคดีความจากกำหมายลายลักษณ์อักษรก่อน หากไม่ได้จึงจะใช้หลักกฎหมายทั่วไป และกฎหมายจารีตประเพณี
[แก้] หน้าที่ของกฎหมาย
กฎหมายมีหน้าที่หลัก 5 ประการด้วยกัน
- สร้างและรักษาความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัย และความมั่นคงของสังคม เช่น กฎหมายอาญาที่ลงโทษผู้กระทำผิดและทำให้คนกลัวไม่กล้าทำผิด หรือพระราชบัญญัติปราบปรามยาเสพติด ได้กำหนดวิธีการเข้าตรวจค้นผู้ต้องสงสัยได้ง่าย เพื่อให้การกระทำผิดเกิดขึ้นได้ยาก
- ระงับข้อพิพาท เช่น กฎหมายที่ถูกนำมาพิจารณาในชั้นศาลเพื่อให้คดีความเป็นอันยุติ
- เป็นวิศวกรสังคม กฎหมายทำหน้าที่วางแนวทางและแก้ไขปัญหาสังคมทั้งปัจจุบันและอนาคต เช่นกฎหมายผังเมือง กฎหมายปฏิรูปการศึกษา
- จัดสรรทรัพยากรและสร้างโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เช่น กฎหมายด้านภาษีอากร กฎหมายจัดสรรงบประมาณ กฎหมายการปรับดอกเบี้ย
- จัดตั้งและกำหนดโครงสร้างทางการเมืองการปกครอง เช่น รัฐธรรมนูญ กำหนดการเลือกตั้งและการทำงานของรัฐสภา ศาล และคณะรัฐมนตรี
[แก้] ปรัชญากฎหมายพื้นฐาน
- กฎหมายเป็นเรื่องที่ต้องอยู่คู่กับเหตุผล เสมือนเป็นวัตถุและเงา หากไม่มีเหตุผล คนย่อมไม่อยากปฏิบัติตามกฎหมาย
- กฎหมายเป็นเพียงเครื่องมือในการสร้างความยุติธรรม แต่หาใช่ความยุติธรรมไม่
- กฎหมายมิใช่เป็นเพียงเรื่องปัจจุบัน แต่เป็นเรื่องกำหนดอนาคต จึงมิสมควรปล่อยให้กฎหมายล้าหลังหรือมีช่องโหว่ ดังคำกล่าวที่ว่าอย่าปล่อยคนตายเขียนกฎหมายให้คนเป็น
- กฎหมายต้องดำเนินไปพร้อมกับการเมืองการปกครองและเศรษฐกิจ
[แก้] การแบ่งประเภทและลักษณะของกฎหมาย
การแบ่งประเภทของกฎหมายนั้น การแบ่งสามารถอาศัยเกณฑ์ที่ต่างกัน อาทิ
- เกณฑ์ลักษณะ แบ่งได้เป็นกฎหมายมหาชนและกฎหมายเอกชน
- เกณฑ์เขตอำนาจ แบ่งได้เป็น กฎหมายภายในประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศ
- เกณฑ์เนื้อหาเฉพาะด้าน แบ่งได้เป็นกฎหมายแพ่ง กฎหมายอาญา กฎหมายภาษี กฎหมายสิ่งแวดล้อม ฯลฯ
ถ้าพิจารณาจากเนื้อหาโดยพื้นฐานของกฎหมายแล้ว อาจแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ
- กฎหมายสารบัญญัติ (Substantive law) หรือกฎหมายที่บัญญัติถึงเนื้อหาของสิทธิ หน้าที่ ข้อห้ามหรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือเป็นกฎหมายที่ควบคุมความประพฤติของคนในสังคมโดยตรงเช่น กฎหมายอาญา และกฎหมายแพ่ง ที่กล่าวถึงลักษณะความผิด และโทษที่จะได้รับ นอกจากนี้ยังกำหนด ควบคุม ให้ความหมาย และวางหลักการเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เช่น กฎหมายที่แบ่งและกำหนดเขตพื้นที่ป่าสงวน
- กฎหมายบัญญัติ หรือ กฎหมายวิธีสบัญญัติ (Adjective law หรือ Procedural Law) คือกฎหมายที่บัญญัติกระบวนการตลอดจนวิธีการนำเอาเนื้อหาสาระของกฎหมายสารบัญญัติมาใช้ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือเป็นกฎหมายที่ว่าด้วยวิธีการดำเนินอรรถคดีตั้งแต่แรกเริ่มจนเสร็จสิ้น เช่นบัญญัติว่าในแต่ละกระบวนการนั้นมีขั้นตอนอย่างไร ต้องดำเนินการอย่างไร มีเรื่องเวลา สถานที่และบุคคลใดที่เกี่ยวข้อง กฎหมายสบัญญัติที่เด่นชัดคือ กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
กฎหมายทั้งสองประเภทมักจะนำมาใช้ควบคู่กันตลอด เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมนั้นสมบูรณ์ เป็นต้นว่า เมื่อมีผู้กระทำผิดก็พิจารณาการกำหนดโทษตามกฎหมายสารบัญญัติ จากนั้นก็พิจารณาตามกฎหมายสบัญญัติ ในส่วนของวิธีการร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงาน การฟ้องคดีต่อศาล การพิจารณาและพิพากษาคดี หรือการนำคดีแพ่งขึ้นสู่ศาลโดยมีการขอให้รับรองหรือคุ้มครองสิทธิ จนไปถึงขั้นตอนการยื่นอุทธรณ์ การยื่นฎีกาหรือการบังคับคดีเมื่อคดีถึงที่สุด ตัวอย่างของกฎหมายสบัญญัติอื่นๆที่สำคัญได้แก่พระธรรมนูญศาลยุติธรรม พระราชบัญญัติจัดตั้งภาษีอากรและวิธีการพิจารณาคดีอากร พระราชบัญญัติล้มละลาย เป็นต้น
[แก้] ลำดับศักดิ์ของกฎหมาย
กฎหมายมีลำดับศักดิ์สูงต่ำเสมือนสายบัญชาการ โดยกฎหมายที่มีลำดับศักดิ์สูงกว่าย่อมเสมือนเป็นบ่อเกิดของอำนาจในกฎหมายลำดับรองลงมา และที่สำคัญ
- กฎหมายที่ลำดับศักดิ์ต่ำกว่าจะขัดหรือแย้ง จะแก้ไขเพิ่มเติม หรือยกเลิกกฎหมายที่มีลำดับศักดิ์สูงกว่าไม่ได้
- กฎหมายที่ลำดับศักดิ์เท่ากันสามารถขัดหรือแย้ง แก้ไขเพิ่มเติม หรือยกเลิกกฎหมายที่มีลำดับศักดิ์เท่ากันได้ ทั้งนี้การขัดหรือแย้งกันของกฎหมายให้ถือเอากฎหมายฉบับล่าสุดมีผลบังคับใช้
- กฎหมายที่ลำดับศักดิ์สูงกว่าสามารถยกเลิก แก้ไขเพิ่มเติม หรือขัดแย้งกฎหมายที่มีศักดิ์ต่ำกว่าได้ โดยกฎหมายที่มีศักดิ์ต่ำกว่ามีอันตกไป ถ้าขัดแย้งกับกฎหมายที่มีศักดิ์สูงกว่า
ลำดับศักดิ์เรียงได้ดังนี้
- รัฐธรรมนูญ ( เรียกว่ารัฐธรรมนูญอย่างเดียวไม่มีคำว่ากฎหมายขึ้นหน้ารัฐธรรมนูญ )
- พระราชบัญญัติ ประมวลกฎหมาย
- พระราชกำหนด
- พระราชกฤษฎีกา
- กฎกระทรวง
- กฎหมายองค์การบัญญัติ เช่น เทศบัญญัติ เป็นต้น
ในทางนิติศาสตร์ เมื่อกล่าวถึงลำดับศักดิ์นั้น คำว่า "กฎหมาย" จะหมายถึง กฎหมายรัฐธรรมนูญ และ รัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ (รวมถึงประมวลกฎหมาย) และพระราชกำหนด เท่านั้น ส่วนที่เป็นลำดับรองลงไป เช่น พระราชกฤษฏีกา กฎกระทรวง ถือเป็นกฎหมายลำดับรอง ที่เรียกว่า อนุบัญญัติ หรือ กฎเกณฑ์แห่งกฎหมาย (ภาษาอังกฤษใช้คำว่า By-law)
[แก้] หลักทฤษฎีพื้นฐาน
กฎหมายเฉพาะย่อมยกเว้นกฎหมายทั่วไป
กฎหมายหรือกฎเกณฑ์แห่งกฎหมายจะขัดหรือแย้งต่อกฎหมายหรือกฎเกณฑ์แห่งกฎหมายที่มีลำดับศักดิ์สูงกว่ามิได้
กฎหมายเรื่องเดียวกัน หากมีซ้ำซ้อนกันและมิได้บัญญัติว่าให้ใช้ฉบับใด ให้ถือว่าต้องใช้ฉบับที่บัญญัติขึ้นภายหลัง
การตีความกฎหมายต้องถือตามเจตนารมณ์ของกฎหมายควบคู่กับตัวบทกฎหมาย และต้องตีความเพื่อให้กฎหมายบังคับใช้ไปได้ โดยไม่เกิดผลประหลาด (Golden rule)
กฎหมายลักษณะต่างกันย่อมมีนิติวิธีหรือแนวทางและวิธีการในการใช้กฎหมายต่างกัน เช่นกฎหมายแพ่ง เรื่องสัญญาย่อมมุ่งที่ประโยชน์ของเอกชน กฎหมายมหาชน เรื่องสิ่งแวดล้อมย่อมมุ่งประโยชน์ของคนทั่วไปเป็นหลัก หรือในทางกฎหมายแพ่ง เมื่อไม่มีกฎหมายห้าม ย่อมกระทำได้ หากไม่ขัดต่อจารีตประเพณีและศีลธรรมอันดี แต่ในขณะเดียวกัน กฎหมายมหาชนนั้น ถือหลักว่า ถ้าไม่มีกฎหมายให้อำนาจไว้ ย่อมทำไม่ได้ เช่น การปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการ จะถือหลักว่า กระทำใดๆ เท่าที่กฎหมายไม่ห้ามมิได้ ต้องกระทำการเฉพาะตามขอเขตอำนาจของกฎหมายโดยเคร่งครัด เป็นต้น
กฎหมายไม่มีผลย้อนหลังในทางเป็นโทษ โดยเฉพาะกฎหมายอาญา
[แก้] ประเด็นกฎหมายที่น่าสนใจในปัจจุบัน
ส่วนนี้ของบทความยังไม่สมบูรณ์ คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียได้โดยเพิ่มเติมเนื้อหาในส่วนนี้ |
[แก้] ดูเพิ่ม
- กฎหมายมหาชน
- กฎหมายระหว่างประเทศ
- กฎหมายรัฐธรรมนูญ
- ความรู้และหลักการเบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมาย
- นิติบัญญัติ
- นิติวิทยาศาสตร์
- นิติศาสตร์
- รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540
- สิทธิ
- สิทธิมนุษยชน
- อนุญาโตตุลาการ
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
กฎหมาย เป็นบทความเกี่ยวกับ การเมือง การปกครอง หรือ กฎหมาย ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น ข้อมูลเกี่ยวกับ กฎหมาย ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ |