มุฮัมมัด
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ส่วนหนึ่งของ ประวัติศาสนาอิสลาม |
|
ศาสดา | |
อัลลอหฺ | |
ความเชื่อและการปฏิบัติ | |
ฮัจญ์ · ละหมาด | |
บุคคลสำคัญ | |
มุฮัมมัด · ญิบรีล | |
คัมภีร์และหนังสือ | |
อัลกุรอาน เตารอต อินญีล ซะบูร | |
นิกาย | |
ซุนนีย์ · ชีอะหฺ · ศูฟีย์ | |
สังคมศาสนาอิสลาม | |
เมือง · ปฏิทิน · สถาปัตยกรรม ศิลปะ · บุคคล |
|
ดูเพิ่มเติม | |
ศัพท์เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม หมวดหมู่ศาสนาอิสลาม |
ศาสดามุฮัมมัด ฟัง ฟังเสียง (อาหรับ: محمد) มีความหมายว่า ผู้ได้รับการสรรเสริญ มุฮัมมัดเป็นศาสดาของศาสนาอิสลาม มีชื่อเรียกอื่น ๆ อีกหลายชื่อ เช่น มุสตอฟา, ฏอฮา, ยาซีน และ อะฮฺัมัด
การเกิด
ท่านศาสดามุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เกิดที่นครมักกะฮฺ ประเทศสะอูดิอารเบีย ซึ่งเป็นประเทศที่ตั้งอยู่แถบตะวันออกกลาง เกิดเมื่อเวลาเช้าตรู่ของวันที่ 12 เดือนร่อบีอุ้ลเอาวัล ปีช้าง ซึ่งตรงกับวันที่ 22 เมษายน ค.ศ.571 หรือ พ.ศ. 1114 เมื่อท่านอับดุลมุฏฏอลิบ ผู้เป็นปู่ได้ทราบข่าวการเกิด จึงได้รีบไปเยี่ยมและได้ตั้งชื่อให้หลานชายว่า มุฮัมมัด ผู้ได้รับการสรรเสริญ
เชื้อสาย
บิดาของท่านชื่อ อับดุลลอฮฺ เป็นบุตรของอับดุลมุฏฏอลิบ บุตรของฮาชิม บุตรของอับดุลมะนาฟ บุตรของกุศ็อย บุตรของกิลาบ มารดาของท่านชื่อ อะมีนะฮฺ บุตรของวะฮับ บุตรของอับดุลมะนาฟ บุตรของชุรอฮฺ บุตรของกิลาบ บิดาและมารดาของท่านศาสดามุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เป็นต้นตระกูลเดียวกัน หรือเผ่าเดียวกัน คือเผ่ากุเรช บิดาของท่านเสียชีวิตในขณะท่านอยู่ในครรภ์มารดา และต่อมามารดาของท่านก็เสียชีวิตอีก ในขณะที่ท่านมีอายุได้ 6 ปี ท่านศาสดาจึงได้ไปอยู่กับปู่ชื่อ อับดุลมุฏฏอลิบ
เมื่อยังเป็นเด็กท่านเคยทำงานโดยมีอาชีพรับจ้างเลี้ยงแกะ และได้เคยติดตามลุงไปค้าขายยังประเทศซีเรีย 2 ครั้ง ครั้งแรกไปเมื่ออายุ 12 ปี ครั้งที่ 2 ไปเมื่ออายุ 25 ปี ในขณะที่ท่านมีอายุ 25 ปีนั้น ท่านไปทำงานอยู่กับท่านหญิงค่อดีญะฮฺ ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการค้าในนครมักกะฮฺด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีไมตรีและมิตรภาพ ประกอบกับมีประสบการณ์ในเรื่องการค้าขายเมื่อสมัยที่ยังอยู่กับลุง จึงทำให้กิจการค้าของท่านหญิงค่อดีญะหฺได้เจริญรุ่งเรืองเป็นลำดับ
การสมรส
ท่านได้รับการยกย่องและขนานนามว่า "อัลอามีน" แปลว่า ผู้ซื่อสัตย์ ความยุติธรรม และการได้รับความไว้วางใจของท่านนี้เองทำให้ท่านหญิงค่อดีญะฮฺ ซึ่งเป็นนายจ้างของท่านได้ขอแต่งงานกับท่าน ซึ่งขณะนั้นท่านอายุได้ 25 ปี ส่วนท่านหญิงค่อดีญะฮฺอายุได้ 40 ปี ซึ่งเป็นแม่หม้าย ท่านหญิงค่อดีญะฮฺได้สิ้นชีวิตลงก่อนฮิจเราะฮฺประมาณ 3 ปีกว่า ซึ่งขณะนั้นท่านศาสดามุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มีอายุ 50 ปีเต็ม ดังนั้นท่านทั้งสองจึงใช้ชีวิตร่วมกันไม่น้อยกว่า 25 ปี และตลอดเวลาอันยาวนานนั้น ท่านศาสดามุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มีภรรยาเพียงคนเดียวเท่านั้น คือ ท่านหญิงค่อดีญะฮฺ ทั้งๆที่ในประเทศอาหรับขณะนั้นการมีภรรยาหลายคนจะเป็นเหตุการณ์ปกติหรือเป็นเรื่องธรรมดาสามัญก็ตาม
การเป็นศาสดา
ท่านศาดามุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้รับวะฮฺยู (วะฮียฺ) = Revalation = การดลใจหรือการรวบรัดดวงจิตโดยฉับพลัน จากพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเริ่มต้นด้วยคำว่า อิดเราะอฺ แปลว่า จงอ่าน
"จงอ่าน ด้วยพระนามของพระผู้อภิบาลของเจ้า ผู้ทรงสร้าง (สากลจักรวาล) ผู้ทรงสร้างมนุษย์จากก้อนเลือด จงอ่านเถิด และผู้อภิบาลของเจ้าทรงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ยิ่ง" (96 : 1-3)
ท่านได้รับวะฮฺยูหรือการดลใจหรือการแต่งตั้งให้เป้นศาสดาจากพระผู้เป็นเจ้า ในเดือนร่อมาฎอน ณ ถ้ำฮิรออฺ ซึ่งขณะนั้นท่านมีอายุได้ 40 ปี
การประกาศอิสลามอย่างลับๆ
พระผู้เป็นเจ้าทรงมีบัญชาให้ท่านศาสดามุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ประกาศอิสลามอย่างลับๆก่อน คือประกาศแก่ญาติผู้ใกล้ชิดเป็นประการแรก หญิงคนแรกที่นับถือศาสนาอิสลาม คือท่านหญิงค่อดีญะฮฺ ภรรยาของท่าน ชายหนุ่มคนแรกที่รับอิสลามคือ ท่านอบูบักร เยาวชนคนแรกที่รับอิสลาม คือท่านอลี ซึ่งมีอายุเพียง 8-10 ปี ทาสคนแรกคือ ท่านซัยดฺ ซึ่งเป็นบุตรของฮาริซะฮฺ และต่อมาได้รับกรปลดปล่อยให้เป็นอิสระ การประกาศอิสลามอย่างลับๆ ได้กระทำมาเป็นเวลา 3 ปี สาเหตุที่ประกาศอย่างลับๆ นี้เพราะบรรดามุสลิมยังมีกำลังน้อยอยู่
การประกาศอิสลามอย่างเปิดเผย
หลังจากที่ท่านศาสดามุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้ประกาศศาสนาอย่างลับๆ เป็นเวลา 3 ปี แล้วก็ได้รับบัญชาจากพระผู้เป็นเจ้าให้ประกาศอิสลามอย่างเปิดเผย ทั้งๆที่ในขณะนั้นมีผู้นับถืออิสลามยังไม่มากนัก
ศาสดามุฮัมมัด เป็นศาสนทูตของอัลลอฮ์ที่ถูกส่งลงมายังมวลมนุษย์ ศาสดามุฮัมมัดถือกำเนิดจากตระกูลกุร็อยส์ วงศ์ระกูลของท่านสืบเชื้อสายมาจากนบีอิสมาอีล บุตร นบีอิบรอฮีม (อ.ล.)
การเกิดของท่านศาสดา ท่านศาสดาเกิดในฤดูใบไม้ผลิ วันจันทร์ที่ 12 เดือนรอบีอุ้ลเอาวัล ปีช้าง ตรงกับวันที่ 22 เมษายน ค.ศ.570 ประมาณ 50 วันหลังจากอับรอฮะฮ์ยกกองทัพช้างบุกนครมักกะฮ์ (วันเกิดของท่านศาสดามีการขัดแย้งกัน บ้างว่าวันที่ 9 , 10 แต่ส่วนใหญ่ถือเป็นวันที่ 12)
แม่นมของศาสดา เมื่อท่านศาสดาเกิดได้ 2-3 วัน ท่านได้รับการเลี้ยงดูจากสุวัยบะฮ์ ซึ่งเป็นแม่นมคนแรก สำหรับแม่นมคนที่ 2 คือ ฮาลีมะฮ์ อัซซะอ์ดียะฮ์ ซึ่งเป็นแม่นมโดยถาวร
การตายของบิดา อับดุลลอฮ์ บิดาของท่านศาสดาสิ้นชีวิต ขณะที่ท่านศาสดาอยู่ในครรภ์มารดา 2 เดือน
การตายของมารดา อามีนะฮ์ มารดาของท่านศาสดาสิ้นชีวิต ขณะที่ท่านศาสดาอายุ 6 ปี
การตายของปู่ อับดุลมุตตอลิบ ปู่ของท่านศาสดาสิ้นชีวิต ขณะที่ท่านศาสดาอายุ 8 ปี
อาศัยอยู่กับลุง อบูตอลิบ ลุงของท่านศาสดาเลี้ยงดูท่านศาสดาด้วยความรักและเอ็นดู ท่านศาสดาเป็นเด็กฉลาด มีความประพฤติดีและขยัน ท่านช่วยลุงเลี้ยงแพะ แกะ และช่วยลุงทำงานหลายอย่าง
การเดินทางไปต่างแดน ท่านศาสดาเดินทางไปค้าขายกับลุงที่ซีเรีย ขณะที่ท่านมีอายุเพียง 12 ปี ใน ระหว่างทางท่านได้พบกับบาทหลวงชื่อ บะฮีรอ ซึ่งกล่าวถึงความเป็นศาสดาของท่านในอนาคต
ร่วมสงครามฟุจญ้าร ครั้งที่ 1 และ 2 ท่านศาสดามุฮัมมัดเข้าร่วมทำสงครามระหว่างเผ่าในเมืองมักกะฮ์ขณะที่ท่านมีอายุ 15 ปี
ร่วมขบวนการฟื้นฟู ฮิลฟุล ฟุดุ้ล ท่านศาสดาเข้าร่วมองค์กรช่วยเหลือและสงเคราะห์ผู้ประสบภัย ซึ่งเป็นองค์กรของเยาวชน ในขณะที่ ท่านมีอายุ 16 ปี
วัยเติบโตของท่านศาสดา ท่านศาสดามุฮัมมัดเป็นบุคคลที่เพียบพร้อมไปด้วยความประเสริฐหลายด้าน เช่นความสัจจะ ความซื่อสัตย์ ท่านได้รับสมญานาม อัซซอดิก ผู้มีวาจาสัจจะ และ อัลอะมีน ผู้ที่มีความซื่อสัตย์
การเดินทางไปค้าขาย ท่านศาสดาเดินทางไปค้าขายที่ซีเรียในฐานะพ่อค้า ท่านทำการค้าให้กับพระนางคอดีญะฮ์ ในขณะที่ท่านศาสดามีอายุ 23 - 24 ปี
การแต่งงานของท่านศาสดา ท่านศาสดาแต่งงานกับพระนางคอดีญะฮ์ บุตร คุวัยลิด เมื่ออายุ 25 ปี พระนางคอดีญะฮ์ เป็นหญิงที่ประเสริฐ พระนางคอดีญะฮ์ได้รับสมญานามว่า ฏอฮีเราะฮ์ หญิงผู้บริสุทธิ์
การตัดสินชี้ขาดด้วยชาญฉลาด ท่านศาสดามุฮัมมัดทำการตัดสินชี้ขาดกรณีขัดแย้งเกี่ยวกับการยกหินดำไปวางไว้ที่เดิม การแก้ปัญหาของท่านได้สร้างความพึงพอใจให้กับทุกคน ทำให้ทุกคนยอมรับในความเฉลียวฉลาดของท่าน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะที่ท่านมีอายุ 35 ปี
การประทานวะฮีย์ครั้งแรก อัลลอฮ์ทรงประทานอัลกุรอาน ซูเราะฮ์ อัลอะลัก อายะฮ์ที่ 1 – 5 ในค่ำคืนวันศุกร์ที่ 17 เดือนรอมฎอนที่ถ้ำฮิรออ์เหตุการณ์ครั้งนี้แสดงถึง การได้รับแต่งตั้งเป็นนบีของท่านศาสดามุฮัมมัด ในขณะที่ท่านมีอายุ 40 ปี
การละหมาดฟะญัรและอัสรี่ อัลลอฮ์ทรงกำหนดให้ละหมาดฟะญัร เวลารุ่งอรุณ และอัสรี่ เวลาเย็นอย่างละ 2 ร็อกอะฮ์ นับตั้งแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นศาสนทูต
การแต่งตั้งเป็นรอซู้ล ท่านศาสดามุฮัมมัดได้รับการแต่งตั้งเป็นรอซู้ลหลังจากวันที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นนบีได้ 6 เดือน ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นรอซู้ลในเดือนรอบีอุ้ลเอาวัล ตรงกับ ค.ศ. 610
การเผยแผ่ศาสนาอย่างลับ ๆ ท่านศาสดามุฮัมมัดเผยแผ่อย่างลับๆ เป็นเวลา 3 ปี โดยใช้บ้านของอัรก็อมเป็นศูนย์กลางในการเผยแผ่ ท่านเริ่มต้นเผยแผ่แก่คนในครอบครัว ญาติที่ใกล้ชิด มีผู้ศรัทธาประมาณ 40 คน
การประกาศศาสนาอย่างเปิดเผย ท่านศาสดามุฮัมมัดเผยแผ่ศาสนาอย่างเปิดเผยในปีที่ 3 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ล ท่านได้ประกาศเชิญชวนชาวมักกะฮ์ ให้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ด้วยความกล้าหาญและอดทน ปรากฏว่ามีผู้ศรัทธาในศาสนาอิสลามมากขึ้นแต่ก็ได้รับการต่อต้านจากชาวมักกะฮ์บางส่วน
ชาวกุร็อยส์ต่อต้านท่านศาสดา ปีที่ 3 – 5 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ล ชาวกุร็อยส์ประชุมหารือ เพื่อขอร้องให้ลุงของท่านศาสดาอบูตอลิบช่วยบอกให้ศาสดาเลิกล้มการเผยแผ่ศาสนาอิสลาม แต่ท่านศาสดาปฏิเสธข้อเสนอ ท่านกล่าวว่า ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ ฉันจะไม่ทิ้งงานเผยแผ่เป็นอันขาด จนกว่าอัลลอฮ์จะทรงให้ได้รับชัยชนะหรือไม่ฉันก็พินาศไป แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเผยแผ่ของท่านศาสดา
ชาวกุร็อยส์ต่อต้านอย่างรุนแรง ปีที่ 5 – 7 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ล ชาวกุร็อยส์เริ่มทำร้ายบรรดาศอฮาบะฮ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่เป็นทาส พวกอ่อนแอซึ่งไม่มีคนคอยช่วยเหลือ
การอพยพสู่อบิสสิเนีย เมื่อศาสดาเห็นบรรดาศอฮาบะฮ์ได้รับความทุกข์ทรมานและการทำทารุณ ท่านศาสดามุฮัมมัดสั่งให้ศอฮาบะฮ์อพยพไปอบิสสิเนีย – เอธิโอเปีย ในปีที่ 5 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ล
บุคคลสำคัญรับอิสลาม ท่านฮัมซะฮ์ บุตร อับดุลมุตตอลิบ และอุมัร บุตรค็อตต็อบ เข้ารับอิสลามในปีที่ 5 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ลต่อมาอัลลอฮ์ได้ให้อิสลามมีความเกรียงไกรด้วยการรับอิสลามของทั้งสอง
การคว่ำบาตรท่านศาสดา ชาวกุร็อยส์ต่อต้านและคว่ำบาตร ไม่คบหาสมาคมกับท่านศาสดา ตระกูลบนูฮาชิมและบรรดาผู้ศรัทธา ในปีที่ 7 – 10 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ล
ปีแห่งความโศกเศร้า ปีที่ 10 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ล ถือว่าเป็นปีแห่งความโศกเศร้า เนื่องจากพระนางคอดีญะฮ์ผู้เป็นภรรยาและ อบูตอลิบผู้เป็นลุงที่ได้ให้การอุปการะได้สิ้นชีวิต
การเผยแผ่ที่เมืองฎออิฟ ปีที่ 10 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ล ท่านศาสดาเดินทางไปเผยแผ่ศาสนาที่เมืองฎออิฟ ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองมักกะฮ์ แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ
การอิสรออ์ – เมี๊ยะรอจญ์ ท่านศาสดาอิสรออ์ – เมี๊ยะรอจญ์ในวันจันทร์ที่ 27 เดือนรอญับ ปีที่ 10 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ล อิสรออ์ คือ การที่ท่านศาสดามุฮัมมัดเดินทางในเวลากลางคืน โดยบุร้อกจากมัสยิดอัลหะรอมไปสู่มัสญิดอัลอักซอ เมี๊ยะรอจญ์ คือ การที่ท่านศาสดามุฮัมมัดขึ้นสู่ฟากฟ้า
การละหมาดฟัรดู อัลลอฮ์ทรงกำหนดการละหมาดฟัรดู 5 เวลาในขณะที่ท่านศาสดาเมี๊ยะรอจญ์
การเริ่มต้นของอิสลามที่มะดีนะฮ์ ปีที่ 11 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ล ชาวมะดีนะฮ์ 6 คน เข้าพบท่านศาสดาเพื่อขอรับอิสลาม
สนธิสัญญาอัลอะกอบะฮ์ ครั้งที่ 1 ปีที่ 12 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ล ชาวมะดีนะฮ์ 12 คน เข้าพบท่านศาสดาเพื่อทำสัญญาอัลอะกอบะฮ์ครั้งที่ 1 โดยให้สัตยาบันว่าจะเคารพภักดีอัลลอฮ์เพียงองค์เดียว
สนธิสัญญา อัลอะกอบะฮ์ ครั้งที่ 2 ปีที่ 13 ของการแต่งตั้งเป็นรอซู้ล ชาวมะดีนะฮ์ 75 คน เข้าพบท่านศาสดาเพื่อทำสัญญา อัลอะกอบะฮ์ ครั้งที่ 2 โดยให้สัตยาบันว่าพวกเขาจะสนับสนุนและช่วยเหลือท่าน ศาสดาพร้อมทั้งบรรดาศอฮาบะฮ์ที่อพยพไปอยู่ที่มะดีนะฮ์
ท่านศาสดาอพยพจากมักกะฮ์สู่มะดีนะฮ์ ท่านศาสดาอพยพจากมักกะฮ์โดยมีอบูบักรร่วมเดินทางไกลด้วย ระหว่างทางท่านได้สร้างมัสญิดกุบาอ์ ซึ่งเป็นมัสญิดหลังแรกที่ถูกสร้างขึ้น ท่านศาสดาเข้าเมืองมะดีนะฮ์ในวันศุกร์ ท่านได้ทำการละหมาดวันศุกร์ร่วมกับพี่น้องมุสลิมที่นั่น ซึ่งถือว่าเป็นการละหมาดวันศุกร์ครั้งแรกของอิสลาม เมื่อถึงเมืองมะดีนะฮ์ ท่านศาสดาได้สร้างความรัก ความเป็นพี่น้องร่วมศรัทธาระหว่างชาวมุฮาญิรีน ผู้อพยพ กับชาวอันซ็อร ผู้ช่วยเหลือการอพยพของท่านศาสดามีความสำคัญมากในประวัติศาสตร์อิสลาม มุสลิมจึงถือเอาการอพยพของท่านศาสดามุฮัมมัดเป็นจุดเริ่มของศักราชอิสลาม ซึ่งเรียกว่า ฮิจญเราะฮ์ศักราช ( ฮ.ศ. ) ปีแห่งการอพยพของท่านศาสดามุฮัมมัด
[แก้] มุฮัมมัดเป็นศาสนทูต
เมื่ออายุ 40 ปี ท่านได้รับว่าวะฮฺยู (การวิวรณ์) จากอัลลอหฺพระผู้เป็นเจ้า ใน ถ้ำฮิรออ์ ซึ่งอยู่บนภูเขาลูกหนึ่งนอกเมืองมักกะหฺ โดยทูตญิบรีลเป็นผู้นำมาบอกเป็นครั้งแรก เรียกร้องให้ท่านรับหน้าที่เป็นผู้เผยแผ่ศาสนาของอัลลอหฺดั่งที่ศาสดามูซา (โมเสส) อีซา (เยซู)เคยทำมา นั่นคือประกาศให้มวลมนุษย์นับถือพระเจ้าเพียงองค์เดียว ท่านได้รับพระโองการติดต่อกันเป็นเวลา 23 ปี พระโองการเหล่านี้รวบรวมขึ้นเป็นเล่มเรียกว่าคัมภีร์อัลกุรอาน
ในตอนแรกท่านเผยแพร่ศาสนาแก่วงศาคณาญาติและเพื่อนใกล้ชิดเป็นการภายในก่อน ท่านค็อดีญะหฺเองได้สละทรัพย์สินเงินทองของท่านไปมากมาย และท่านอะบูฏอลิบก็ได้ปกป้องหลานชายของตนด้วยชีวิต ต่อมาท่านได้รับโองการจากพระเจ้าให้ประกาศเผยแพร่ศาสนาโดยเปิดเผย ทำให้ญาติพี่น้องในตระกูลเดียวกัน ชาวกุเรชและอาหรับเผ่าอื่น ๆ ที่เคยนับถือท่าน พากันโกรธแค้น ตั้งตนเป็นศัตรูกับท่านอย่างรุนแรง ถึงกับวางแผนสังหารท่านหลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ ชนมุสลิมถูกค่ำบาตรไม่สามารถทำธุรกิจกับผู้ใด จนต้องอดอยากเพราะขาดรายได้และไม่มีที่จะซื้ออาหาร อะบูซุฟยาน แห่งตระกูลอุมัยยะหฺ และ อะบูญะฮัล คือสองในจำนวนหัวหน้าชาวมุชริกที่ได้พยายามทำลายล้างศาสนาอิสลาม
สาวกกลุ่มหนึ่งต้องหนีออกจากมักกะหฺเข้าลี้ภัยในอบิสสิเนีย กษัตริย์นัญญาชี(เนเกช)แห่งอบิสสิเนียที่นับถือคริสตศาสนาก็ได้ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ภายหลังท่านเองก็เข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม
[แก้] อ้างอิง
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
- Islamiyah Free Ahlul-Bayt Encyclopedia Muhammad
มุฮัมมัด เป็นบทความเกี่ยวกับ ชีวประวัติ ที่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องการตรวจสอบ เพิ่มเนื้อหา หรือเพิ่มแหล่งอ้างอิง คุณสามารถช่วยเพิ่มเติมหรือแก้ไข เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น ข้อมูลเกี่ยวกับ มุฮัมมัด ในภาษาอื่น อาจสามารถหาอ่านได้จากเมนู ภาษาอื่น ด้านซ้ายมือ |