ปฏิทินฮิจญ์เราะหฺ
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ส่วนหนึ่งของ ประวัติศาสนาอิสลาม |
|
ศาสดา | |
อัลลอหฺ | |
ความเชื่อและการปฏิบัติ | |
ฮัจญ์ · ละหมาด | |
บุคคลสำคัญ | |
มุฮัมมัด · ญิบรีล | |
คัมภีร์และหนังสือ | |
อัลกุรอาน เตารอต อินญีล ซะบูร | |
นิกาย | |
ซุนนีย์ · ชีอะหฺ · ศูฟีย์ | |
สังคมศาสนาอิสลาม | |
เมือง · ปฏิทิน · สถาปัตยกรรม ศิลปะ · บุคคล |
|
ดูเพิ่มเติม | |
ศัพท์เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม หมวดหมู่ศาสนาอิสลาม |
ปฏิทินฮิจญ์เราะหฺ และ หิจญ์เราะหฺศักราช
คำว่า หิจญเราะหฺ แปลว่า การอพยพ ผู้เริ่มกำหนดใช้ศักราชหิจญ์เราะหฺเป็นคนแรกคือ อิมามอะลีย์ บิน อะบีฏอลิบในสมัยการปกครองของอุมัร อิบนุลคอฏฏอบ (คอลีฟะหฺคนที่ 2) ซึ่งประกาศใช้ในปีที่ 7 หลักการอพยพ (ค.ศ. 629) โดยยึดปีที่นบีมุฮัมมัด ศาสนทูตแห่งอิสลาม อพยพออกจากเมืองมักกะหฺ(เมกกะ)สู่มะดีนะหฺ ในปี ค.ศ. 622 เป็นต้นศักราชฮิจญ์เราะหฺ
อักษรย่อ ฮิจญ์เราะหฺ คือ ฮ.ศ. ในภาษาอังกฤษนิยมใช้ H.E. (Hijrah Era) หรือ A.H. (Anno Hejira)
ระบบปฏิทินของหิจญเราะหฺศักราช เป็นระบบปฏิทินจันทรคติ นั่นคือ จะใช้ดวงจันทร์เป็นเกณฑ์ในการคำนวณ ดังนั้นในหนึ่งปีจันทรคติจึงมี 354 วันหากเป็นปีธิกสุรทินและ 355 วันหากเป็นปีอธิกสุรทิน ในรอบ 30 ปีจะมีธิกสุรทิน 19 ครั้ง และอธิกสุรทิน 11 ครั้ง
ชนมุสลิมใช้ปฏิทินฮิจญ์เราะหฺจนถึงทุกวันนี้
[แก้] เดือนในปฏิทินฮิจญ์เราะหฺ
ในหนึ่งปีฮิจญ์เราะหฺมี 12 เดือน คือ มุฮัรรอม ศอฟัร รอบีอุลเอาวัล รอบีอุษษานี ญุมาดัลอูลา ญุมาดัษษานียะหฺ ร่อญับ ชะอฺบาน รอมะฎอน เชาวาล ซุลกออิดะหฺ ซุลฮิจญะหฺ
[แก้] รายละเอียดเกี่ยวกับปฏิทินฮิจญ์เราะหฺ
ในแต่ละเดือนจะมี 29 วัน และ 30 วันสลับกันไป บางทีมี 30 วันซ้อนกัน 2 ครั้ง แต่จะไม่มี 29 วัน ซ้อนกัน 2 เดือนเป็นอันขาด ส่วนซุลหิจญะห์ของปีอธิกสุรทินนั้นจะกำหนดให้มี 30 วันเสมอ สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ดวงจันทร์โคจรรอบจุดศูนย์กลางของมูลร่วม (Bary center) โดยใช้ดวงอาทิตย์เป็นหลักนั้น ใช้เวลา 29 วัน 12 ชม. 44 นาที 2.82 วินาที (29.) หรือ 354 วัน 8 ชม. 48 นาที 33.6 วินาทีในหนึ่งปี
- เดือนที่หนึ่ง 29 วัน 12 ชม. 44 นาที + เดือนที่สอง 29 วัน 12 ชม. 44 นาที = 59 วัน 1 ชม. 28 นาที หากกำหนดให้เดือนที่ 1 (มฺฮัรรอม) มี 30 วัน และเดือนที่ 2 มี (ศอฟัร) มี 29 วัน ก็ยังเหลือเศษอีก 1 ชม. 28 นาทีเศษนี้ ก็จะรวมเข้ากับเดือนที่ 3 และ 4 เรื่อยไป จนกระทั่งเมื่อครบปี ก็จะมีเศษเหลือจาก 354 วัน = 8 วัน 48 นาที ซึ่งไม่ถึงครึ่งวัน ปีแรกจึงเป็นปีธิกสรุทิน
- และเมื่อเอาเศษที่เหลือจากปีแรก บวกกับเศษปีที่สอง (8 ชม. 48 นาที + 8 ชม. 48 นาที) ได้เท่ากับ 17 ชม. 36 นาที ซึ่งมากกว่าครึ่งวัน ปีที่ 2 จึงกลายเป็นปีอธิกสุรทินโดยการปัดเศษนั้นขึ้นเป็น 1 วัน โดยการกำหนดให้ซุลฮิจญะหฺ มี 30 วันเศษของปีจะรวมต่อไป เมื่อถึงปีที่ 5 เศษ ของปีจะเป็น 18 ชม.ปีที่ 5 จึงเป็นปีอธิกสุรทินอีกเป็นเช่นนี้เรื่อยไปจนครบรอบ 30 ปี จึงเรียกว่า 1 รอบน้อย
- เดือนจะมีการสลับระหว่าง 30 และ 29 วัน โดยการยึดถือเศษของแต่ละเดือน ถ้าหากว่าเดือนใดมีเศษมากกว่าครึ่งวันก็จะปัดขึ้นเป็น 1 วัน ยกตัวอย่างเช่น พอสิ้น เดือนญุมาดัลอูลา ของปีที่ 2 มีเศษเหลือ 44 นาที เมื่อบวกกับเดือนต่อมา 29 วัน 12 ชม. 44 นาที จึงมีค่า = 29 วัน 13 ชม. 28 นาที จึงบัดนี้ขึ้นเป็น 30 วัน เดือนถัดจากนั้นก็เป็น 29 วันและ 30 วันสลับกันไปอีก จนกว่าจะมีเศษที่ที่ปัดขึ้นเป็น 1 วันเต็มอีก
- เดือนที่ 17 ถัดจากเดกือนเริ่มต้นปฏิทินจะมี 30 วัน แล้วนับต่อไปอีก 17 เดือน ถึงเดือนใด เดือนนั้นจะมี 30 วัน แล้วนับต่อไปอีก 15 เดือนถึงเดือนใด เดือนนั้นจะมี 30 วันอีกเช่นกัน ทำเช่นนี้เรื่อยไปจนครบ 30 ปี (นับ 17 สองครั้งสลับด้วยนับ 5 หนึ่งครั้ง) เมื่อเดือนใดมี 30 วัน ซ้อนกัน 2 เดือน ๆ ถัดมาต้องเป็น 29 วัน
- 1 ปี จันทรคติมี 354 วัน 8 ชม. 48 นาที ในรอบ 30 ปี จึงมี 10631 วัน ด้วยเหตุนี้จึงถึงว่าเป็น 1 รอบ (น้อย) เพราะเศษของวันลงตัวพอดี (มีเศษเป็นวินาที ซึ่งไม่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงมากนัก)
- เนื่องจากทุก ๆ 1 รอบน้อย เริ่มต้นด้วยชื่อวันต่าง ๆ การที่จะให้เริ่มต้นครบด้วยชื่อวัน 7 วัน ย่อมต้องใช้เวลา 7 รอบน้อย (210 ปี) ซึ่งก็จะกลายเป็น 1 รอบใหญ่ ในการเขียนปฏิทินจะกำหนดวันดังนี้
- รอบน้อยที่ 1 เริ่มด้วยวันพฤหัส
- รอบน้อยที่ 2 เริ่มด้วยวันอังคาร
- รอบน้อยที่ 3 เริ่มด้วยวันอาทิตย์
- รอบน้อยที่ 4 เริ่มด้วยวันศุกร์
- รอบน้อยที่ 5 เริ่มด้วยวันพุธ
- รอบน้อยที่ 6 เริ่มด้วยวันจันทร์
- รอบน้อยที่ 7 เริ่มด้วยวันเสาร์
- เพื่อสะดวกในการจำ 1 - ทุก ๆ รอบจะเริ่มต้นด้วยวันที่ห้าหลังจากวันแรกของรอบที่แล้ว เช่น รอบน้อยที่ 3 เริ่มด้วยวันอาทิตย์ ร้อยน้อยที่ 4 ก็ต้องเป็นวันศุกร์ด้วยการนับเพิ่ม 5 วัน
- ทุก ๆ ปีจะเริ่มต้นด้วยวันที่สี่ของปีที่แล้ว ถ้าหากว่าปีที่แล้วเป็นปีปกติและจะเริ่มต้นด้วยวันทีห้าของปีที่แล้ว หากปีที่แล้วเป็นปีอธิกสุรทินตัวอย่างเช่น ปีที่ 7 ก็ต้องเริ่มด้วยวันอังคารด้วยการนับเพิ่ม 4 วันและเมื่อทราบว่าปีที่ 7 เป็นอธิกสุรทิน ปีที่ 8 ก็ต้องเริ่มด้วยวันอาทิตย์ ด้วยการนับเพิ่ม 5 วันเป็นต้น
[แก้] ฮ.ศ. และ ค.ศ.
หากต้องการทราบว่าวันเดือนปีใน ค.ศ. xxxx ตรงกับวันเดือนปีใดใน ฮ.ศ. ให้ทำดังนี้
วิธีที่ 1
1. เปลี่ยนค่า ปี เดือน และวัน ที่ต้องการนั้นให้มีจำนวนเป็นวัน โดยการนำเอาปีนั้นมาลบด้วย 1 แล้วคูณด้วย 365.25 แล้วเอาจำนวนเดือนและวันที่เหลือมาบวก
2. เอาผลลัพธ์นั้นลบด้วยค่าความแตกต่างระหว่าง ค.ศ. และ ฮ.ศ. คือ 227015 วัน
3. เอาผลลัพธ์หารด้วย 10631 (อันเป็นเวลา 1 รอบน้อย)
4. เอาผลลัพธ์คูณด้วย 30 และเอาเศษที่เป็นวันนั้น ทำเป็นปีและเดือน ตามกฎของปีปกติและอธิกสุรทิน และบวกเข้ากับผลลัพธ์
5. เอาหนึ่งบวกกับผลลัพธ์ที่เป็นปีและเอาเศษผลลัพธ์ที่เป็นนั้นนั้นทำเป็นเดือน
วันที่ 1 มค. 1992
1992 – 1 = 1991
1991 x 365.25 = 727212.75 + 11 = 727223
727226 – 227015 = 500208
10631 = 47 รอบ เศษ 551 x 30 = 1410 + 1 + 1 ปีเศษ 197 วัน = 2523 ปี 197 วัน
1411 + 1 ปี = 1412 ปี 197 วัน
197 30 + 29 + 30 + 29 + 30 + 30 + 19 = Rajab 1412
วิธีที่ 2 (สะดวกด้วยเครื่องคิดเลข)
โดยใช้ข้อมูลต่อไปนี้เป็นหลัก
1. วันที่ 1 มุฮัรรอม 01 ตรงกับ 16 กค. 622
2. ปีจันทรคติ ฮ.ศ. มี 354.36666 วัน
3. ปีสุรยคติเกรกอเรียนมี 365.2425 วัน จูเลียน = 365.25
4. 1 ปี จันทรคติมีค่า = 0.070223 = 0.97
5. 1 ปี สุริยคติมีค่า = 1.0306909 = 1.0307121
การหา ฮ.ศ. จาก ค.ศ.
วันที่ 1 มค. 1992 1. ลบปีที่ต้องการซึ่งยังไม่บริบูรณ์นั้นด้วย 1992 – 1 = 1991
2. ความแตกต่างระหว่าง ค.ศ. และ ฮ.ศ. ด้วย 1991 – 622 = 1369 ด้วยการหาผลลัพธ์นั้นด้วย 622
3. ระหว่าง 16 กค. ถึง 11 มค. เป็นเวลา = 179 วัน
4. เอาผลลัพธ์จากข้อ 2 ซึ่งเป็นปีนั้นคูณด้วย 1.0306909 = 1411.0158
5. ทศนิยมจากเศษนั้นเปลี่ยนเป็นโดยการคูณกับ 354.3666 1.0307121 = 1411.0448 = 1411 ปี 5.59 วัน
6. เอาผลลัพธ์จากข้อ 3 และ 4 รวมกัน ปี 1412 ปี 15.87 วัน +
7. บวกค่าความแตกต่างระหว่าง ก.ค. ถึงเดือนที่ต้องการ 179 วัน ปี 1412 วัน
8. บวกค่าความแตกต่างระหว่าง J และ G = 13 วัน = 19 Rajab 1442
9. เปลี่ยนผลลัพธ์จากวันเป็นเดือนและวัน
การหา ค.ศ. จาก ฮ.ศ.
1. เอา ฮ.ศ. ปีที่ต้องการนั้นลบด้วย 1
2. เอาผลลัพธ์ที่ได้คูณด้วย ผลลัพธ์ที่ได้เป็นปีและทศนิยมของปี
3. เปลี่ยนทศนิยมของผลลัพธ์เป็นวันด้วยการคูณกับ 365.25
4. เอาระยะเวลาห่างจาก 1 ม.ค. ถึง 16 ต.ค. (200 วัน) บวกกับผลลัพธ์
5. เอาค่าความแตกต่างระหว่าง ค.ศ. และ ฮ.ศ. มาบวก
6. เอาระยะเวลาจาก 1 มุฮัรรอม ถึงวันที่และเดือนที่ต้องการ
7. เปลี่ยนค่าของผลลัพธ์เป็นปี – เดือน – และวันที่
(ได้รับความเอื้อเฟื้อจาก สยามิคดอตคอม)