สัทอักษรสากล
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
- สำหรับ IPA ในความหมายอื่น ดูได้ที่ IPA (แก้ความกำกวม)
สัทอักษรสากล (International Phonetic Alphabet) หรือ ไอพีเอ (IPA) คือสัทอักษรชุดหนึ่งที่พัฒนาโดยสมาคมสัทศาสตร์สากล โดยมุ่งหมายให้เป็นสัญกรณ์มาตรฐานสำหรับการแทนเสียงพูดในทุกภาษา นักภาษาศาสตร์ใช้สัทอักษรสากลเพื่อแทนหน่วยเสียงต่าง ๆ ที่อวัยวะออกเสียงของมนุษย์สามารถเปล่งเสียงได้ โดยแทนหน่วยเสียงแต่ละหน่วยเสียงด้วยสัญลักษณ์เฉพาะที่ไม่ซ้ำกัน สัญลักษณ์ในสัทอักษรสากลนั้นส่วนใหญ่นำมาจากหรือดัดแปลงจากอักษรโรมัน สัญลักษณ์บางตัวนำมาจากอักษรกรีก และบางตัวประดิษฐ์ขึ้นใหม่โดยไม่สัมพันธ์กับอักษรภาษาใดเลย สำหรับ ตารางสัทอักษรในภาษาไทย ดูได้ที่ ภาษาไทย
สารบัญ |
[แก้] ประวัติ
สัทอักษรสากลเมื่อเริ่มแรกพัฒนาขึ้นโดยคณะของครูสอนภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศส ซึ่งนำโดย พอล แพสซี พร้อม ๆ กับการก่อตั้งสมาคมสัทศาสตร์สากลขึ้นในกรุงปารีสเมื่อ ค.ศ. 1886 (ทั้งสมาคมและสัทอักษรสากลใช้คำย่อในภาษาอังกฤษว่า IPA เหมือนกัน) สัทอักษรสากลรุ่นแรกอย่างเป็นทางการได้รับการตีพิมพ์ใน Passy (1888) โดยคณะผู้พัฒนาใช้อักษรโรมิก (Romic alphabet) ของ เฮนรี สวีต (Sweet 1880-1881, 1971) เป็นพื้นฐาน ซึ่งอักษรโรมิกนั้นก็นำรูปแบบมาจากอักษรฟอนอไทปิก (Phonotypic Alphabet) ของ ไอแซก พิตแมน และ แอลิกแซนเดอร์ จอห์น เอลลิส อีกทีหนึ่ง (Kelly 1981)
หลังจากนั้น สัทอักษรสากลได้ผ่านการชำระปรับปรุงอีกหลายครั้ง โดยครั้งที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งมีขึ้นในการประชุมของสมาคมฯ ที่คีลเมื่อ ค.ศ. 1989 การชำระครั้งล่าสุดมีขึ้นใน ค.ศ. 1993 และมีการปรับปรุงอีกครั้งใน ค.ศ. 1996
[แก้] รายละเอียด
ในชุดสัทอักษรสากล ส่วนใหญ่ของสัญลักษณ์แทนหน่วยเสียงพยัญชนะที่มีรูปร่างเหมือนกับพยัญชนะในอักษรละตินนั้น จะมีค่าของเสียง (sound-value) สัมพันธ์กับเสียงของพยัญชนะเดียวกันในภาษายุโรปส่วนใหญ่ รวมทั้งภาษาอังกฤษด้วย สัญลักษณ์ในประเภทนี้ประกอบด้วย [p], [b], [t], [d], [k], [g], [m], [n], [f], [v], [s], [h], [z], [l], [w]
สัญลักษณ์แทนหน่วยเสียงสระที่มีรูปร่างเหมือนกับสระในอักษรละติน ซึ่งได้แก่ [a], [e], [i], [o], [u] จะมีค่าของเสียงสัมพันธ์กับสระเดียวกันในภาษาเยอรมัน สเปน หรืออิตาลี โดยประมาณ หรืออาจเทียบกับเสียงสระในภาษาไทยได้เป็น อะ, เอะ, อิ, โอะ และ อุ ตามลำดับ
สัญลักษณ์อื่น ๆ ที่เหลือในส่วนที่นำมาจากอักษรละตินนั้น เช่น [j], [r], [c] และ [y] จะสัมพันธ์กับเสียงของตัวอักษรเดียวกันในภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ เช่น [j] มีค่าของเสียงเหมือนกับ j ในภาษาเยอรมัน สแกนดิเนเวีย หรือดัตช์ หรืออาจเทียบได้กับเสียง ย ในภาษาไทย เป็นต้น ข้อสำคัญของหลักเกณฑ์การกำหนดใช้สัทอักษรสากลคือ ใช้สัญลักษณ์เพียงตัวเดียวสำหรับหน่วยเสียงแต่ละหน่วย โดยหลีกเลี่ยงการประสมอักษรอย่างเช่น sh และ th ในการเขียนภาษาอังกฤษ
[แก้] แผนภูมิสัทอักษรสากล
[แก้] พยัญชนะ (ใช้ลมปอด)
ริมฝีปาก | ริมฝีปากกับฟัน | ฟัน | ปุ่มเหงือก | หลังปุ่มเหงือก | ปลายลิ้นม้วน | เพดานแข็ง | เพดานอ่อน | ลิ้นไก่ | ช่องคอ | เส้นเสียง | ||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
กัก | p | b | t | d | ʈ | ɖ | c | ɟ | k | g | q | ɢ | ʔ | |||||||||
นาสิก | m | ɱ | n | ɳ | ɲ | ŋ | ɴ | |||||||||||||||
รัวลิ้น | ʙ | r | ʀ | |||||||||||||||||||
สะบัดลิ้น | ɾ | ɽ | ||||||||||||||||||||
เสียดแทรก | ɸ | β | f | v | θ | ð | s | z | ʃ | ʒ | ʂ | ʐ | ç | ʝ | x | ɣ | χ | ʁ | ħ | ʕ | h | ɦ |
เสียดแทรกข้างลิ้น | ɬ | ɮ | ||||||||||||||||||||
เปิด | ʋ | ɹ | ɻ | j | ɰ | |||||||||||||||||
เปิดข้างลิ้น | l | ɭ | ʎ | ʟ |
- หากสัญลักษณ์ปรากฏคู่กัน สัญลักษณ์ตัวขวามือจะแทนเสียงโฆษะ
- ช่องสีเทาแสดงว่าการออกเสียงเช่นนั้นไม่สามารถกระทำได้
[แก้] สัญลักษณ์ระบุลักษณะการออกเสียง
ˈ | เสียงเน้นหลัก |
ˌ | เสียงเน้นรอง |
ː | เสียงยาว |
ˑ | เสียงกึ่งยาว |
˘ | เสียงสั้นพิเศษ |
. | แยกพยางค์ของเสียง |
| | กลุ่มย่อย(foot) |
‖ | กลุ่มหลัก(intonation) |
‿ | เสียงต่อเนื่อง |
[แก้] อ้างอิง
- Albright, Robert W. (1958). The International Phonetic Alphabet: Its background and development. International journal of American linguistics (Vol. 24, No. 1, Part 3); Indiana University research center in anthropology, folklore, and linguistics, publ. 7. Baltimore. (Doctoral dissertation, Standford University, 1953).
- Ball, Martin J.; Esling, John H.; & Dickson, B. Craig. (1995). The VoQS system for the transcription of voice quality. Journal of the International Phonetic Alphabet, 25 (2), 71-80.
- Duckworth, M.; Allen, G.; Hardcastle, W.; & Ball, M. J. (1990). Extensions to the International Phonetic Alphabet for the transcription of atypical speech. Clinical Linguistics and Phonetics, 4, 273-280.
- Ellis, Alexander J. (1869-1889). On early English pronunciation (Parts 1 & 5). London: Philological Society by Asher & Co.; London: Trübner & Co.
- Hill, Kenneth C. (1988). [Review of Phonetic symbol guide by G. K. Pullum & W. Ladusaw]. Language, 64 (1), 143-144.
- Hultzen, Lee S. (1958). [Review of The International Phonetic Alphabet: Its backgrounds and development by R. W. Albright]. Language, 34 (3), 438-442.
- International Phonetic Association. (1989). Report on the 1989 Kiel convention. Journal of the International Phonetic Association, 19 (2), 67-80.
- International Phonetic Association. (1999). Handbook of the International Phonetic Association: A guide to the use of the International Phonetic Alphabet. Cambridge: Cambridge University Press. ISBN 0-521-65236-7 (hb); ISBN 0-521-63751-1 (pb).
- Jespersen, Otto. (1889). The articulations of speech sounds represented by means of analphabetic symbols. Marburg: Elwert.
- Jones, Daniel. (1989). English pronouncing dictionary (14 ed.). London: Dent.
- Kelly, John. (1981). The 1847 alphabet: An episode of phonotypy. In R. E. Asher & E. J. A. Henderson (Eds.), Towards a history of phonetics. Edinburgh: Edinburgh University Press.
- Kemp, J. Alan. (1994). Phonetic transcription: History. In R. E. Asher & J. M. Y. Simpson (Eds.), The encyclopedia of language and linguistics (Vol. 6, pp. 3040-3051). Oxford: Pergamon.
- Ladefoged, Peter. (1990). The revised International Phonetic Alphabet. Language, 66 (3), 550-552.
- Ladefoged, Peter; & Halle, Morris. (1988). Some major features of the International Phonetic Alphabet. Language, 64 (3), 577-582.
- MacMahon, Michael K. C. (1996). Phonetic notation. In P. T. Daniels & W. Bright (Ed.), The world's writing systems (pp. 821-846). New York: Oxford University Press. ISBN 0-19-507993-0.
- Passy, Paul. (1888). Our revised alphabet. The Phonetic Teacher, 57-60.
- Pike, Kenneth L. (1943). Phonetics: A critical analysis of phonetic theory and a technic for the practical description of sounds. Ann Arbor: University of Michigan Press.
- Pullum, Geoffrey K.; & Laduslaw, William A. (1986). Phonetic symbol guide. Chicago: University of Chicago Press. ISBN 0-226-68532-2.
- Sweet, Henry. (1880-1881). Sound notation. Transactions of the Philological Society, 177-235.
- Sweet, Henry. (1971). The indispensible foundation: A selection from the writings of Henry Sweet. Henderson, Eugénie J. A. (Ed.). Language and language learning 28. London: Oxford University Press.
- Wells, John C. (1987). Computer-coded phonetic transcription. Journal of the International Phonetic Association, 17, 94-114.